สถานีโทรทัศน์ CNBC เปิดเผยรายงานภาษี EU Tax Observatory ซึ่งพิจารณากิจกรรมของระบบธนาคาร 36 แห่งที่มีสำนักงานใหญ่ใน 11 ประเทศทั่วยุโรป และต้องรายงานการดำเนินการของแต่ละประเทศ ตั้งแต่ปี 2015 พบว่า ธนาคารขนาดใหญ่ในยุโรปในแต่ละปีมีการโยกย้ายผลกำไรของธนาคารไปฝากไว้ยังตลาดต่างประเทศที่มีฐานอัตราภาษีในระดับต่ำ หรือเป็นชาติที่ถือว่าเป็น Tax Haven ในแต่ละปีสูงถึง 24,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยประเทศที่ถือว่าเป็น Tax Haven ในรายงานฉบับดังกล่าว รวมถึง Bahamas, Bermuda, หมู่เกาะ British Virgin Islands, หมู่เกาะ Cayman, Guernsey, ยิบรอลตาร์, ฮ่องกง, ไอร์แลนด์, Isle of Man, Jersey, คูเวต, ลักเซมเบิร์ก, มาเก๊า, มอลตา, มอร์ริเชียส, ปานามา และกาตาร์
รายงานระบุว่า ราว 65% ของกำไรของธนาคารยักษ์ใหญ่ในยุโรปได้รับการโยกย้ายไปยังต่างประเทศในช่วงระหว่างปี 2014-2020 โดยนักวิจัยสังเกตจากบันทึกความคลาดเคลื่อนระหว่างประเทศที่มีการบันทึกผลกำไรและที่ตั้งของพนักงาน อีกทั้งกำไรต่อพนักงานต่อคนยังสูงกว่าประเทศอื่นๆ มาก โดยบริษัทสาขาในที่อัตราภาษีต่ำ (Tax Haven) สามารถทำกำไรในอัตราที่สูง
ขณะเดียวกันนักวิจัยยังชี้ให้เห็นว่า 25% ของผลกำไรของธนาคารถูกบันทึกในประเทศที่มีอัตราภาษีที่แท้จริงต่ำกว่า 15%
ทั้งนี้รายงานยังพบว่า ความสามารถในการทำกำไรของธนาคารในประเทศที่เป็น Tax Havens นั้นอยู่ในระดับสูงผิดปกติ คือที่ 238,000 ยูโรต่อพนักงานหนึ่งคน เทียบกับประมาณ 65,000 ยูโรในประเทศที่ไม่ใช่ Tax Havens บ่งชี้ได้ว่าผลกำไรที่บันทึกไว้ในคลังเก็บภาษีส่วนใหญ่มีการโยกย้ายจากประเทศต้นทางที่มีการบริการเกิดขึ้นจริง ทำให้ผู้จัดทำได้เรียกร้องและสนับสนุนให้มีการปฏิรูประบบภาษี และกำหนดอัตราภาษีขั้นต่ำที่เป็นมาตรฐานเดียวกันเพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
อ้างอิง:
