ค่ำคืนนี้ฟุตบอลยูโร 2020 จะลงสนามฟาดแข้งกันเพียงแค่กลุ่มเดียวเท่านั้นคือการแข่งขันในกลุ่ม D ที่จะลงสนามพร้อมกันในเวลา 02.00 น. ทั้งสองคู่ โดยที่สนามเวมบลีย์ ทีมชาติอังกฤษจะพบกับเช็ก และที่สนามแฮมป์เดน ปาร์ก สกอตแลนด์จะพบกับโครเอเชีย โดยทั้งสองสนามมีเดิมพันที่แตกต่างกันออกไป
แจ็ค กรีลิช คือหนึ่งในนักเตะที่อาจแก้ปัญหาเกมบุกของอังกฤษได้
อังกฤษกับปัญหาในเกมรุกที่ต้องบุกใส่เช็ก
จนถึงตอนนี้ทีมชาติอังกฤษที่ถูกยกให้เป็นตัวเต็งในการคว้าแชมป์ยูโร 2020 มาตั้งแต่ก่อนทัวร์นาเมนต์จะเริ่มต้น ยังไม่มีวี่แววว่าจะแสดงฟอร์มการเล่นในระดับตัวเต็งออกมาให้เห็น โดยเฉพาะในเกมรุกที่ 2 นัดผ่านไปยิงได้แค่ 1 ประตู ในเกมเปิดสนามกับโครเอเชีย จาก ราฮีม สเตอร์ลิง และต้องมาเสียฟอร์มอย่างมากที่ไปเสมอกับสกอตแลนด์ โดยที่เจาะเกมรับทีมเพื่อนบ้านไม่ได้ในเกมที่ผ่านมา
เกมนี้อังกฤษยังไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะปล่อยเกมนี้ไปจากมือได้ เนื่องจากถ้าหากพวกเขาแพ้ขึ้นมาก็อาจจะตกที่นั่งลำบาก จริงอยู่ว่าพวกเขาอาจจะไม่ตกรอบอย่างแน่นอนเนื่องจากการมี 4 คะแนน แต่ถ้าเกิดต้องหล่นไปอยู่ในอันดับที่ 3 ก็ต้องเจอกับคู่แข่งที่แข็งแกร่งตามไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ก่อนเกมนี้อังกฤษก็ต้องมาเจอเรื่องน่าปวดหัว จากการที่สองนักเตะกำลังหลักอย่าง เบน ชิลเวลล์ และ เมสัน เมาท์ ต้องถูกกักตัวเป็นเวลา 10 วัน หลังจากที่ไปสัมผัสและพูดคุยใกล้ชิดกับ บิลลี กิลมัวร์ เพลย์เมกเกอร์ของสกอตแลนด์ในเกมก่อนหน้า ซึ่งในเวลาต่อมากิลมัวร์ถูกตรวจพบว่าติดโควิด-19 จึงทำให้สองนักเตะจากเชลซีกลายเป็นนักเตะที่มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อทันที
ขณะที่เช็ก พวกเขาเป็นทีมที่มีเกมบุกดีกว่าอังกฤษเมื่อเทียบจาก 2 เกมที่พวกเขาต้องเล่นกับคู่แข่งที่อังกฤษเจอมาแล้วเช่นกัน แต่เช็กยิงได้ถึง 3 ประตู อย่างไรก็ตาม การยิงได้ 3 ประตูนั้นเกิดจากกองหน้าคนเดียวกันนั่นคือ แพทริก ชิก ซึ่งอาจจะโดนประกบอย่างหนักในฐานะตัวอันตรายในเกมนี้ ดังนั้นเช็กเกียอาจจะต้องหาทางในการขึ้นเกมจากทางอื่น และหาตัวจบสกอร์รายอื่นมาช่วยงานของชิกด้วย
โทมัส ชูเช็ก อาจจะมีปัญหาเล็กน้อยในเรื่องความฟิต แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าห่วง และจะลงสนามในเกมสำคัญเกมนี้ได้แน่นอน ขณะที่ แพทริก ชิก ซึ่งถูกศอกจนเลือดอาบในเกมก่อน ก็ซ้อมกับทีมได้ปกติ ทำให้เช็กน่าจะมีตัวผู้เล่นที่ดีที่สุดเพื่อใช้รับมือกับอังกฤษอย่างแน่นอน
โครเอเชียต้องเจอกับสถานการณ์ยากกว่าที่ควรจะเป็น หลังมีแค่ 1 แต้ม
การแข่งขันเพื่อ 3 แต้มเท่านั้นของโครเอเชียกับสกอตแลนด์
ไม่น่าเชื่อว่าการเจอกัน 5 นัดของคู่นี้ ทีมรองแชมป์โลกอย่างโครเอเชีย เป็นฝ่ายที่ถูกสกอตแลนด์ข่มมาตลอด โดยทีมจากแดนวิสกี้ชนะ 2 นัด เสมอ 3 นัด และไม่แพ้ต่อทัพโครแอตเลย นั่นทำให้เกมนี้น่าสนใจมาก เพราะมีเพียงผู้ชนะเท่านั้นที่จะได้ไปต่อในรอบน็อกเอาต์ ส่วนถ้าผลออกมาเป็นการเสมอกัน นั่นหมายความว่าพวกเขาต้องกอดคอกันตกรอบและกลับบ้านไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะ 2 คะแนนนั้นไม่พอที่จะเป็น 1 ใน 4 อันดับ 3 ที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน
นอกจากผลแพ้ชนะแล้ว ประตูที่เกิดขึ้นกับผลการแข่งขันอีกคู่ก็มีผลกับการแข่งขันในคู่นี้เช่นกัน โดยโครเอเชียอาจจะจบได้ถึงอันดับ 2 ถ้าหากเอาชนะสกอตแลนด์ได้ด้วยสกอร์ 2-0 ขึ้นไป พร้อมกับแช่งให้เช็กพ่ายต่ออังกฤษ 2 ประตูขึ้นไปในเวลาเดียวกัน ขณะที่ฝั่งสกอตก็ยังมีสิทธิ์จะจบอันดับ 2 ได้ไม่ต่างกัน โดยต้องเอาชนะโครเอเชีย 2 ประตูขึ้นไป แล้วลุ้นให้อังกฤษแพ้ต่อเช็กด้วยสกอร์ 0 ก็จะส่งผลให้พวกเขาเข้ารอบในฐานะอันดับ 2 ของกลุ่มได้เหมือนกัน
โครแอตจะต้องลุ้นความฟิตก่อนเกมของ บอร์นา บาริซิช ว่าจะลงสนามได้หรือไม่ หลังบาดเจ็บในเกมก่อนกับเช็กมา แต่นอกเหนือจากนี้แล้ว นักเตะทุกคนพร้อมลงสนาม ส่วนสกอตแลนด์มีเพียง บิลลี กิลมัวร์ คนเดียวเท่านั้นที่จะลงสนามไม่ได้แน่นอนเนื่องจากติดโควิด-19 ส่วน คีแรน เทียร์นีย์ ที่หายเจ็บกลับมาในเกมที่แล้วกับอังกฤษ น่าจะได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่องในเกมนี้
อย่างไรก็ตาม โครเอเชียอาจจะดูเหนือกว่าเล็กน้อยในเรื่องชื่อชั้นและคุณภาพของตัวผู้เล่น แต่พวกเขาต้องมาเยือนแฮมป์เดน ปาร์ก ในกลาสโกว์ ดังนั้นเสียงเชียร์ในสนามจะอยู่ข้างสกอตแลนด์อย่างยากจะหลีกเลี่ยง และเราก็เห็นมาแล้วว่าเสียงเชียร์มีผลแค่ไหนในการแข่งขันยูโรคราวนี้
แชมป์ของกลุ่ม D ต้องไปเจอที่ 2 ของกลุ่ม F ซึ่งปัจจุบันคือเยอรมนี
ปลายทางของกลุ่ม D
สิ่งที่น่าสนใจคือการเข้ารอบไปใน 2 อันดับแรกของกลุ่มนี้ น่าจะต้องเจอกับงานที่ค่อนข้างยาก โดยทีมแชมป์กลุ่ม D จะต้องไปเจอกับอันดับ 2 ของกลุ่ม F ซึ่งมีโอกาสจะเป็นไปได้ทั้งฝรั่งเศส, เยอรมนี, โปรตุเกส หรือฮังการี ซึ่งถ้าเป็น 3 ทีมแรกนั้นก็ต้องบอกว่ามีปลายทางที่โหดร้ายทีเดียว
ขณะที่รองแชมป์กลุ่ม D จะไปเจอกับรองแชมป์กลุ่ม E ที่สามารถเป็นไปได้หมดทั้งกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นสวีเดน, สโลวะเกีย, สเปน หรือโปแลนด์ ทำให้การเป็นรองแชมป์อาจจะได้เจอกับงานที่เบากว่าเมื่อเทียบกับการเป็นแชมป์ในกลุ่มนี้ ดังนั้นเราอาจจะไม่ได้เห็นอังกฤษบุกใส่คู่แข่งมากนักก็ได้
ขณะที่อันดับ 3 กลุ่ม D ที่อาจจะเป็นทีมไหนก็ได้ทั้ง 4 ทีม (หรืออาจจะไม่มีเลยสักทีมก็ได้) ขึ้นอยู่กับผลการแข่งขันในค่ำคืนนี้ และกลุ่ม D มีอันดับที่ 3 จริง พวกเขาถ้าไม่ได้รับมือกับแชมป์กลุ่ม E ซึ่งยังไม่แน่ว่าจะเป็นสวีเดน, สโลวะเกีย, สเปน หรือโปแลนด์ ก็ต้องไปเจอกับเนเธอร์แลนด์ ซึ่งก็ยังจะดูเป็นงานที่ง่ายกว่าการเป็นแชมป์ของกลุ่มด้วยซ้ำไป!
อ้างอิง:
