วันที่ 4 ของฟุตบอลยูโร 2020 ยังคงมีเกมลงสนามแข่งขันกัน 3 คู่ใน 3 ช่วงเวลาเหมือนเดิม โดยวันนี้จะเป็นเกมจากกลุ่ม D ที่เหลืออีก 1 คู่ และอีก 2 คู่ จะเป็นเกมในกลุ่ม E โดยไฮไลต์ของวันยังคงเป็นการแข่งขันในคู่ดึก เวลา 02.00 น. ที่สเปนจะพบกับสวีเดน และเช่นเคยที่เราจะไปดูรายละเอียดกันทีละคู่
หลุยส์ เอ็นริเก จะได้คุมทีมชาติสเปนสู้ศึกยูโรในประเทศของตัวเอง
สเปน vs. สวีเดน – กระทิงเลือดใหม่ในเวทีใหญ่ระดับทวีป
ลืมภาพสเปนชุดแชมป์โลกและแชมป์ยูโรระหว่างปี 2008-2012 ไปก่อน เพราะทัพ ‘กระทิงดุ’ ชุดนี้แทบไม่หลงเหลือนักเตะจากทีมชุดในยุคสมัยนั้นอยู่เลย เรียกได้ว่านี่แทบจะเป็นทีม ‘เลือดใหม่’ อย่างแท้จริง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่แข็งแกร่งเสียเมื่อไร เพราะอย่างไรก็ตาม ทีมชุดนี้สามารถเก็บชัยชนะได้ถึง 8 นัด และเสมอ 2 นัด ไม่แพ้ใครในรอบคัดเลือก
หลุยส์ เอ็นริเก กลับมาคุมทีมชาติสเปนอีกครั้งหลังการสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิตเมื่อลูกสาวต้องจากไปจากอาการป่วย ตัดสินใจไม่เรียกใช้งาน เซร์คิโอ รามอส กองหลังจากเรอัล มาดริด ทำให้ทีมชุดนี้มีนักเตะส่วนมากเป็นพวกที่กำลังหนุ่มอายุไม่เกิน 30 โดยมีตัวเก๋าที่อายุแตะเลข 3 คอยประคองทีมอยู่เพียง 5 คนเท่านั้น และนักเตะที่อายุมากที่สุดในทีมกลับเป็น เซร์คิโอ บุสเกตส์ ในวัย 32 ปีเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ฟอร์มในระยะหลังของทีมก็ไม่สู้ดีนัก เนื่องจากหนักไปทางเสมอถึง 5 จาก 11 เกมหลัง ประกอบกับบุสเกตส์ที่ต้องสวมบทบาทกัปตันทีม ต้องมาติดโควิด-19 และน่าจะลงสนามไม่ได้ ก็ทำให้เกมพบกับสวีเดนน่าเป็นห่วงขึ้นมา แม้ว่าพอจะมีข่าวดีเมื่อ ดิเอโก ยอเรนเต ที่ติดโควิด-19 ไปอีกคนตรวจเชื้อแล้วเป็นลบมา 2 หนติด ซึ่งจะส่งผลให้เขาสามารถลงช่วยทีมได้หากเอ็นริเกเลือกใช้งานก็ตาม
ทางฝั่งสวีเดนคือทีมขาประจำในฟุตบอลยูโร และเป็นทีมที่มีผลงานสม่ำเสมอที่สุดในบรรดาชาติสแกนดิเนเวีย เพราะนับตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา ทัพ ‘ไวกิ้ง’ ก็ได้มาเล่นในรอบสุดท้ายตลอด แต่ปัญหาของพวกเขาคือการไม่ค่อยจะผ่านไปสู่รอบน็อกเอาต์ เพราะถ้าไม่นับปี 1992 ที่พวกเขาคว้าอันดับ 3 มาครอง ก็มีเพียงปี 2004 หนเดียวที่พวกเขาเข้าสู่รอบสองได้ ดังนั้นในครั้งนี้ที่แต่ละกลุ่มอาจจะมีตัวแทนเข้ารอบได้ถึงกลุ่มละ 3 ทีม พวกเขาจึงหมายมั่นปั้นมือเป็นพิเศษ
การเจอกับสเปนที่ฟอร์มกำลังเป๋มาก่อนเข้าสู่ยูโร 2020 ย่อมดีกว่าการเจอกับสเปนในช่วงที่ฟอร์มแกร่ง แต่ทีมของ แยนน์ แอนเดอร์สัน ก็โชคร้ายมาตั้งแต่ก่อนทัวร์นาเมนต์จะเริ่มเช่นกัน เมื่อทำท่าจะได้ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช มาร่วมทัพในครั้งนี้ แต่ดาวเตะเอซี มิลานก็โดนอาการบาดเจ็บเล่นงานไปก่อน แถมล่าสุดสองนักเตะคนสำคัญอย่าง เดยัน คูลูเซฟสกี กับ มาทิอัส สเวนเบิร์ก ต่างติดโควิด-19 ทั้งคู่ ทำให้ความพร้อมของทีมก็ไม่เต็มร้อยเช่นกัน
เปาโล ซูซา กำลังโค้ชลูกทีมคนสำคัญอย่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี
โปแลนด์ vs. สโลวาเกีย – การต่อสู้กันของกุนซือที่ต่างต้องการพิสูจน์ตัวเอง
เกมคู่ 5 ทุ่มในคืนนี้ เป็นการพบกันของสองชาติ ที่ผู้จัดการทีมแต่ละชาติต่างไม่ได้รับเครดิตในการคุมทีมชาติของตัวเองเท่าที่ควร โดยเฉพาะทางฝั่งโปแลนด์ที่มีปัญหาภายในในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทำให้สมาคมฟุตบอลตัดสินใจปลด เยอร์ซี เบอร์เชอเซ็ก ออกจากตำแหน่งโดยให้เหตุผลว่าไม่พอใจสไตล์การทำทีม ก่อนที่จะแต่งตั้ง เปาโล ซูซา เข้ามารับงาน ทั้งที่เบอร์เซอเซ็กเป็นผู้ที่พาโปแลนด์จบในตำแหน่งแชมป์กลุ่มในรอบคัดเลือก
ภายใต้ซูซาที่เพิ่งคุมทีมไปได้แค่ 5 นัด เขาพาทีมชนะได้แค่หนเดียวเท่านั้น โดยเสมอ 3 และแพ้อีก 1 ก่อนเข้าสู่ยูโร 2020 ทำให้ความเชื่อมั่นจากหลายๆ ฝ่ายที่มีต่อโปแลนด์ค่อยๆ ลดลง แม้แต่บริษัทรับพนันถูกกฎหมายก็ยังลดเรตอัตราต่อรองการเป็นแชมป์ลงมาอีกเกือบเท่าตัว ดังนั้นฟุตบอลยูโรคราวนี้จึงเป็นเหมือนเวทีพิสูจน์ตัวเองของหัวหน้าโค้ชชาวโปรตุกีสไปพร้อมๆ กัน
ไม่ต่างจากโปแลนด์มากนัก เพราะ สเตฟาน ทาร์โควิช โค้ชคนปัจจุบันของสโลวาเกีย ก็ถูกแต่งตั้งเข้ามาดูแลทีมในปี 2020 ระหว่างการเพลย์ออฟเพื่อไปเล่นในยูโรครั้งนี้ แต่ตัวเขายังมีเครดิตมากกว่ากุนซือโปแลนด์อยู่เล็กน้อยตรงที่สามารถพาทีมเอาชนะไอร์แลนด์เหนือเข้ามาเล่นในรอบสุดท้ายได้ ทำให้สามารถพูดได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งที่พาทีมมาถึงยูโร 2020 ต่างจากซูซาที่มาตอนทีมเข้ารอบไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม การที่ทาร์โควิชคุมทีชนะไปแค่ 3 จาก 8 เกม ก่อนเข้าสู่ศึกยูโรในคราวนี้ ก็ทำให้สโลวาเกีย เป็นตัวเต็งที่จะตกชั้นประจำกลุ่มนี้เช่นกัน ดังนั้นเขาเองก็ต้องการพิสูจน์ว่ามีดีกว่านั้น ด้วยการพาสาธารณรัฐสโลวักเข้ารอบไปให้ลึกที่สุดให้ได้เช่นกัน และโอกาสนั้นจะมากขึ้นทีเดียวถ้าพวกเขามีคะแนนหรือชนะในเกมแรกนี้ได้
เช็กลงซ้อมในแฮมป์เดนพาร์กก่อนเกมคืนนี้
สกอตแลนด์ vs. สาธารณรัฐเช็ก – การปะทะกันของม้านอกสายตา
คู่แรกของการแข่งขันในวันที่ 4 ที่สนามเวลา 20.00 น. ตามเวลาประเทศไทย จะลงเตะกันที่สนามแฮมป์เดนพาร์กในกลาสโกว์ โดยสกอตแลนด์จะพบกับสาธารณรัฐเช็ก โดยที่ทั้งสองทีมเป็นทีมที่มีอันดับโลกต่ำที่สุดติด 1 ใน 5 ของศึกยูโร 2020 ครั้งนี้ โดยทีม ‘วิสกี้’ มีอันดับโลกอยู่ที่ 44 ส่วนสาธารณรัฐเช็กอยู่ที่อันดับ 40 แต่ถึงแม้อันดับโลกของทั้งสองทีมค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในการแข่งขัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเกมนี้ไม่น่าสนใจ
แม้สกอตแลนด์เข้ามาเล่นในรอบสุดท้ายทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1998 แต่สภาพทีมของพวกเขาเต็มไปด้วยนักเตะคุณภาพจากพรีเมียร์ลีก และสกอตติช พรีเมียร์ชิป อาทิ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, แกรนท์ ฮันลีย์, คีแรน เทียร์นีย์, เลียม คูเปอร์, สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, จอห์น แม็คกินน์, ไรอัน คริสตี, สจวร์ต ดัลลัส, ไรอัน เฟรเซอร์ รวมไปถึง บิลลี กิลมอร์ และ เช อดัมส์
ขณะที่สาธารณรัฐเช็กก็เป็นทีมที่เล่นแบบกล้าได้กล้าเสียและไม่ประนีประนอม พวกเขาไม่เสมอแม้แต่นัดเดียวในรอบคัดเลือกยูโร 2020 และตลอด 3 ปีที่ ยาโรสลาฟ ซิลฮาวี คุมทีม 27 เกม มีเกมที่เสมอเพียงแค่ 1 นัดเท่านั้น แถมทีมชุดนี้ก็ยังมีนักเตะคุณภาพหลายคน อาทิ โทมัส วาซลิก ผู้รักษาประตูจากเซบียา, วลาดิเมียร์ คูฟาล และ โทมัส ซูเช็ก จากเวสต์แฮม ยูไนเต็ด, พาเวล คาเดราเบ็ค จากฮอฟเฟนไฮม์, วลาดิเมียร์ ดาริดา กัปตันทีมจากแฮร์ธา เบอร์ลิน และ แพทริก ชีค จากไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ก็พอจะการันตีได้ระดับหนึ่งเลยว่าเกมนี้น่าจะสนุกและน่าสนใจไม่น้อยเลย
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
- https://www.uefa.com/uefaeuro-2020/match/2024453–spain-vs-sweden/prematch/preview/
- https://www.uefa.com/uefaeuro-2020/match/2024452–scotland-vs-czech-republic/
- https://www.uefa.com/uefaeuro-2020/match/2024454–poland-vs-slovakia/
- https://www.skysports.com/football/scotland-vs-czech-republic/stats/421491
- https://www.skysports.com/football/poland-vs-slovakia/421489
- https://www.skysports.com/football/spain-vs-sweden/421490