รอบ 8 ทีมสุดท้ายของฟุตบอลยูโร 2020 ได้ 4 ชาติหรือครึ่งหนึ่งของทีมที่จะได้ไปต่อในรอบนี้แล้ว ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาก็มีอีก 2 ชาติที่ได้ไปต่อ โดยหนึ่งในนั้นก็เป็นผลการแข่งขันที่ค่อนข้างพลิกล็อก เมื่อสาธารณรัฐเช็ก ทีมอันดับที่ 3 ของกลุ่ม D ล้มเนเธอร์แลนด์ แชมป์กลุ่ม C ที่ชนะมา 3 เกมรวดให้ตกรอบไปได้ ส่วนในเกมคู่บิ๊กแมตช์ เบลเยียมก็เฉือนโปรตุเกสไปด้วยประตูสุดสวยของ ธอร์แกน อาซาร์ และนี่คือแต่ละประเด็นที่เกิดขึ้น
โปรตุเกส พ่ายแพ้แต่เล่นดี
ถึงแม้จะพ่ายแพ้ต่อเบลเยียม และมีอันต้องตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายโดยหมดสิทธิ์ป้องกันแชมป์ แถมทำสถิติย่ำแย่ที่สุดในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปนับตั้งแต่ปี 1984 ที่พวกเขาได้เข้าร่วมฟุตบอลรายการนี้เป็นครั้งแรก ด้วยการลงสนาม 4 เกมในการแข่งขัน และชนะได้เพียง 1 นัด เสมอ 1 นัด และแพ้อีก 2 นัด แต่ก็ต้องยอมรับว่า นี่กลับเป็นเกมที่พวกเขาเล่นได้ดีที่สุดนับตั้งแต่เข้าร่วมในยูโรครั้งนี้มาเลย
การครองเกม 55% พร้อมสร้างโอกาสยิงใส่เบลเยียมถึง 23 ช็อตในเกมนี้ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในการแข่งขันครั้งนี้ของทีมทีมเดียวที่สร้างโอกาสเข้าทำได้ใน 1 เกม บ่งบอกว่าพวกเขาทำเกมได้ดีแล้วในนัดนี้ หากแต่ในจังหวะจบสกอร์เท่านั้นที่พวกเขาทำได้ไม่ดีพอ มีการขาดๆ เกินๆ ทั้งชนเสาและข้ามคาน ขณะที่จังหวะที่ตรงกรอบก็ไปเจอกับฤทธิ์เดชของ ติโบต์ กูร์ตัวส์ เซฟไว้ได้ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้แชมป์เก่าจะตกรอบลงไป แต่ คริสเตียโน โรนัลโด ก็ยังมีโอกาสที่จะครองตำแหน่งดาวซัลโวอยู่ดี โดยตอนนี้เขายิงไปแล้ว 5 ประตู มีเพียงแค่ พาทริก ชิก เท่านั้นที่ใกล้เคียงที่จะแซงเขาได้มากที่สุด หลังกองหน้าสาธารณรัฐเช็กเพิ่งยิงประตูที่ 4 ในเกมล้มเนเธอร์แลนด์ และเขายังต้องการอีก 2 ประตูเป็นอย่างน้อยเพื่อแซง CR7 ขึ้นไป ส่วนคนอื่นๆ ยังคางกันอยู่ที่ 3 ประตูเท่านั้น
ความน่าเสียดายอีกอย่างในเกมที่ เอสตาดิโอ เด ลา การ์ตูฆา เมื่อคืนที่ผ่านมา คือการที่เรายังไม่ได้เห็น คริสเตียโน โรนัลโด ทำลายสถิติยิงประตูสูงสุดตลอดกาลให้ทีมชาติของ อาลี ดาอี โดยปัจจุบันทั้งคู่ครองสถิติร่วมกันที่ 9 ประตู แม้จะดูสมศักดิ์ศรีมากกว่าหากสถิตินั้นถูกทำลายในฟุตบอลรายการเมเจอร์ต่อหน้าผู้ชมทั่วโลก แต่แฟนบอลก็อาจจะได้เห็นโรนัลโดทำลายสถิตินี้ในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกหรือฟุตบอลอุ่นเครื่องแทนเสียแล้ว
เบลเยียมกับปัญหาที่ถาโถมแม้จะเข้ารอบมาได้
เบลเยียมโชว์ฟอร์มสมกับเป็นตัวเต็งเบอร์ต้นๆ โดยสามารถเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นครั้งที่สองติดต่อกัน หลัง 5 ปีก่อนที่ฝรั่งเศสพวกเขาก็เดินทางมาถึงจุดนี้ แต่ก็ต้องมาพ่ายเวลส์ตกรอบไป แต่คราวนี้คู่แข่งรายต่อไปของพวกเขาเป็นของแข็งระดับน้องๆ เพชรอย่างทีมชาติอิตาลี ที่โชว์ฟอร์มได้ดีมาตลอดตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม และเป็นหนึ่งใน 2 ทีมที่เหลือในตอนนี้ร่วมกับเบลเยียมที่ชนะรวดในทุกนัดที่ลงเล่นในยูโร 2020 ด้วย
ขณะที่ทางฝั่งอิตาลีอาจจะดูลำบากจากการเล่น 120 นาที แต่พวกเขาได้พักก่อน และจะได้พักมากว่าเบลเยียม 1 วันก่อนที่รอบ 8 ทีมสุดท้ายระหว่างพวกเขาทั้งคู่จะแข่งขันในวันที่ 2 กรกฎาคมนี้ โดยทัพ ‘อัซซูรี’ ไม่มีปัญหานักเตะมากวนจิตกวนใจ แต่ ‘ปีศาจแดงแห่งยุโรป’ ต้องมาปวดหัวกับอาการของทั้ง เควิน เดอ บรอยน์ และ เอเดน อาซาร์ ที่ได้รับบาดเจ็บในเกมนี้
เดอ บรอยน์ ถูกเข้าบอลจากด้านหลังในช่วงท้ายครึ่งแรก และฝืนเล่นต่อจนกระทั่งต้นครึ่งหลังนาทีที่ 3 เจ้าตัวก็ทรุดลงไปในสนาม และขอให้ทีมเปลี่ยนตัวเขาออก ซึ่งพูดได้ว่าเป็นอาการที่น่าเป็นห่วง เพราะหลังจากถูกเปลี่ยนตัวออกเขาถูกปฐมพยาบาลด้วยการประคบน้ำแข็งที่บริเวณข้อเท้าทันที ขณะที่อาซาร์ผู้พี่อาการดูไม่หนักหนาเท่า แม้จะถูกเปลี่ยนตัวออกเช่นกัน แต่เจ้าตัวก็ไม่มีอาการอะไรให้เห็นมากนัก
การมี เดอ บรอยน์ กับไม่มีในเกมที่จะพบกับอิตาลีจะมีความแตกต่างกันอย่างมาก จากที่ผ่านมากองกลางอิตาลีทำงานกันได้ขยันและยอดเยี่ยมอย่างชัดเจนในทุกเกมที่ลงสนาม การไม่มีมิดฟิลด์แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในทีมน่าจะทำให้ภาระของนักเตะอย่าง ธอร์แกน อาซาร์ เพิ่มขึ้นจากการก้าวขึ้นมาแบกทีมแทน และนั่นจะทำให้กองกลางอิตาลีไม่ต้องกลัวที่จะเปิดเกมรุกใส่ เพราะพวกเขาไม่ต้องเกรงลูกคิลเลอร์พาสที่อาจจะเกิดขึ้นจาก เดอ บรอยน์ หลังถูกตัดบอลได้ ดังนั้นเบลเยียมน่าจะเจอกับเกมที่ยากมากอย่างแน่นอน
พาทริก ชิก ดีพอไหมที่จะไปถึงดาวซัลโว?
พาทริก ชิก ไม่ใช่กองหน้าที่มีบทบาทกับเกมมากมายเหมือนที่ โรเมลู ลูกากู เป็นกับเบลเยียม หรือ คริสเตียโน โรนัลโด เป็นกับโปรตุเกส แต่เขาคือกองหน้าสไตล์โบราณที่จะอาจจะมีส่วนกับเกมไม่มาก แต่โผล่มาอีกทีคือมีชื่อเป็นผู้ทำประตู และเอกลักษณ์ของกองหน้าประเภทนี้คือความเฉียบคม เหมือนที่เขาแสดงให้เห็นมาตลอด 3 ใน 4 เกมที่เขาทำประตูได้ในฟุตบอลยูโรคราวนี้
ในเกมกับสกอตแลนด์ ชิกมีโอกาสทั้งหมด 5 ครั้ง ยิงเข้ากรอบ 4 ครั้งและเป็น 2 ประตู ถัดมาในเกมกับโครเอเชีย เขามีโอกาส 4 ครั้ง ยิงเข้ากรอบ 1 ครั้งและเป็น 1 ประตู ในเกมกับอังกฤษเขาไม่มีโอกาสจบสกอร์เลยแม้แต่ครั้งเดียว และมาในเกมล่าสุดกับเนเธอร์แลนด์ เขามีโอกาส 3 ครั้ง เข้ากรอบ 2 ครั้ง และเป็น 1 ประตู ซึ่งจะเห็นว่าเขาไม่ได้เป็นกองหน้าที่ใช้โอกาสเปลืองเลยแม้แต่น้อย
จากสถิติที่เห็น บ่งบอกได้ว่าชิกคือตัวอันตรายสำหรับเดนมาร์กที่จะเจอกันในรอบ 8 ทีมสุดท้ายอย่างไม่ต้องสงสัย และถ้าแนวรับของทีม ‘โคนม’ ปล่อยให้เขาได้มีโอกาสจบสกอร์ ก็มีโอกาสที่จะเสียประตูได้ไม่ยาก นอกจากนั้นในตอนนี้เขายังตามหลัง คริสเตียโน โรนัลโด ในตำแหน่งดาวซัลโวแค่เพียงประตูเดียวเท่านั้น แถม CR7 ก็ไม่มีโอกาสจะเพิ่มสกอร์ของเขาอีกแล้ว ซึ่งต่างจากชิกที่ยังมีโอกาสอีกตราบเท่าที่สาธารณรัฐเช็กยังไม่ตกรอบ
ก่อนทัวร์นาเมนต์เริ่มต้น หากให้เสนอชื่อของดาวซัลโวรายการนี้คงหนีไม่พ้นชื่อของ แฮร์รี เคน, โรเมลู ลูกากู หรือ คริสเตียโน โรนัลโด ขณะที่ชื่อของ พาทริก ชิก คงจะแทบไม่มีคนคิดถึง แต่ในตอนนี้ไม่แน่แล้วว่า กองหน้าจากสาธารณรัฐเช็กคนนี้อาจจะกลายเป็นดาวซัลโวขึ้นมาจริงๆ ก็ได้ เพราะในตอนนี้เขากำลังไล่ล่าสถิติของ มิลาน บารอส ที่เคยทำไว้ในปี 2004 กับการยิงในทัวร์นาเมนต์เดียว 5 ประตู ซึ่งเขาห่างจากสถิตินั้นแค่ 1 ประตูเท่านั้น ซึ่งเป็นระยะห่างเท่ากับที่เขาห่างจากตำแหน่งดาวซัลโวของโรนัลโดด้วย!
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
- https://twitter.com/OptaJoe
- https://www.bbc.com/sport/football/57633226
- https://www.bbc.com/sport/football/51198518
- https://www.fotmob.com/players/540097/patrik-schick
- https://www.uefa.com/uefaeuro-2020/match/2024480–netherlands-vs-czech-republic/
- https://www.uefa.com/uefaeuro-2020/match/2024479–belgium-vs-portugal/