×

อิตาลีที่บอบช้ำ / สเปนที่เถรตรง / สวิสไม่มีอะไรให้เสียใจ

โดย THE STANDARD TEAM
03.07.2021
  • LOADING...
อิตาลีที่บอบช้ำ / สเปนที่เถรตรง / สวิสไม่มีอะไรให้เสียใจ

หลังจาก 2 คู่แรกของรอบ 8 ทีมสุดท้ายเมื่อคืนที่ผ่านมาทำให้เราได้ 2 ทีมจากสายบนอย่าง สเปนที่เอาชนะสวิตเซอร์แลนด์ ในการดวลลูกที่จุดโทษ 3-1 หลังเสมอกันในเวลา 120 นาที ไป 1-1 ที่จะเข้าไปพบกับอิตาลีที่เอาชนะเบลเยียมได้ใน 90 นาที ไป 2-1 ในรอบรองชนะเลิศ ซึ่งถือเป็นการเจอกันที่สมศักดิ์ศรีของ 2 ทีม ‘บิ๊กเนม’ และจะเป็นการรีแมตช์การเจอกันในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ของฟุตบอลยูโรเมื่อ 5 ปีก่อนใน ยูโร 2016 ด้วย

 

สิ่งที่สังเวยชัยชนะของอิตาลี คือหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของทัวร์นาเมนต์

อิตาลีเข้าสู่รอบรองชนะเลิศในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปได้เป็นครั้งที่ 6 จากการเข้ารอบสุดท้ายทั้งหมด 10 ครั้งได้จากชัยชนะเหนือเบลเยียม 2-1 ที่สนามฟุตบอลอารีนา มิวนิก และสร้างสถิติใหม่ในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หลังเก็บชัยชนะ 15 นัดติด นับตั้งแต่รอบคัดเลือก (10 นัดรวด) มาจนถึงรอบสุดท้าย (อีก 5 นัดติด) และมีโอกาสยืดสถิตินั้นออกไปอีกถ้าพวกเขายังสามารถชนะต่อไปได้

 

อย่างไรก็ตาม เครื่องสังเวยแก่ชัยชนะเกมนี้นั้นมีมูลค่าสูงนัก นั่นคือนักเตะอย่าง เลโอนาร์โด สปินาซโซลา แบ็กซ้ายที่ว่ากันว่าเป็นฟูลแบ็กที่เล่นในได้ที่สุดในฟุตบอลยูโรหนนี้ หลังเขามีอาการบาดเจ็บในครึ่งหลังระหว่างที่พยายามกระชากบอลหนี ธอร์กาน อาซาร์ ซึ่งหลังเจ้าตัวทิ้งตัวลงและมีทีมแพทย์มาดูอาการ เขาก็ร้องไห้ออกมาเป็นสัญญาณแรกที่บอกว่าฤดูกาลของเขาจบลงแบบกลายๆ แล้ว

 

ใน 11 ประตูที่ อิตาลี ยิงได้ในทัวร์นาเมนต์นี้ 2 จากในนั้นเป็นแอสซิสต์ของ สปินาซโซลา และยังไม่นับประตูอื่นๆ ที่มีจุดเริ่มต้นจากการขึ้นเกมมาจากทางซ้ายที่เขาเล่นร่วมกับ ลอเรนโซ อินซิเญ ดังนั้นการเสียเขาไปก่อนทีทัวร์นาเมนต์จะจบลงในอีก 2 เกม จึงเป็นความเสียหายใหญ่หลวงของทีมอิตาลี แม้ว่า โรแบร์โต มันชินี จะมี เอเมอร์สัน พัลเมรี ที่เป็นตัวสำรองในตำแหน่งเดียวกัน ก็ยังยากที่จะมาทดแทนฟอร์มอันยอดเยี่ยมของเขาได้

 

ขณะที่ฝั่งเบลเยียม ถึงแม้จะแพ้เกมนี้ก็ยังถือว่าสู้ได้ดีโดยเฉพาะในครึ่งหลัง การขึ้นเกมจากกาวรุ่งอนาคตไกลอย่าง เยเรมี โดกู ทำสถิติใหม่ๆ ได้มากมาย ไล่ตั้งแต่เป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ได้เล่นเป็นตัวจริงให้เบลเยียมในฟุตบอลรายการเมเจอร์ ด้วยวัย 19 ปี 36 วัน ทั้งยังเป็นนักเตะอายุต่ำกว่า 20 คนแรกนับตั้งแต่ เวย์น รูนีย์ ในปี 2004 ที่เรียกจุดโทษให้ทีมได้ และท้ายที่สุดยังสร้างสถิติในการเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งถึง 8 ครั้งในเกมเดียว เป็นสถิติสูงสุดเท่าที่มีการบันทึกสถิติด้วย

 

สเปนที่เถรตรงเกินไปในการจู่โจมคู่แข่ง

เกมบุกที่ร้อนแรงของสเปน จนสร้างสถิติกลายเป็นชาติแรกในประวัติศาสตร์ของฟุตบอลยูโร ที่มีการยิง 5 ประตูติดต่อกันมากกว่า 1 แมตช์ ตั้งแต่เกมที่ชนะสโลวาเกีย 5-0 ต่อด้วยชัยชนะเหนือโครเอเชีย 5-3 กลายเป็นว่าสร้างปัญหาให้กับ สวิตเซอร์แลนด์ไม่ได้เท่าที่ควร เมื่อมาเจอเกมของทีมจากแดนนาฬิกาที่พยายามบุกตอบโต้และไล่บอลสูง ถึงแม้พวกเขาจะทำได้ดีขึ้นในช่วงท้ายเกมและการต่อเวลาพิเศษ แต่นั่นก็เป็นผลมาจากการที่ รีโม ฟรอยเลอร์ โดนใบแดงทำให้สวิสเหลือ 10 คน

 

ที่น่าสนใจคือ สเปนค่อนข้างปั่นป่วนเมื่อเจอกับการไล่เพรสซิงของสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งนั่นจะต้องเป็นการบ้านสำคัญที่ หลุยส์ เอ็นริเก ต้องรีบแก้ปัญหาให้ตก เพราะอย่าลืมว่าอิตาลีที่พวกเขาจะเจอในกลางสัปดาห์หน้า เป็นทีมที่ไล่กดดันและตัดบอลคู่แข่งตั้งแต่ไม่เกินกลางสนามดีที่สุดในทัวร์นาเมนต์นี้ และการขึ้นเกมของพวกเขาถ้าออกบอลพลาดก็อาจจะโดนเล่นงานได้ทันทีด้วย

 

นอกจากนี้สิ่งที่น่าคิดคือการที่สเปน ยังไม่เจอทีมไหนเลยที่ตั้งใจลงมาเล่นเกมบุกใส่พวกเขาอย่างจริงจัง นั่นหมายความไปในคราวเดียวกันว่าเกมรับยังไม่ถูกทดสอบอย่างแท้จริง แต่อิตาลีที่จะต้องเผชิญหน้าด้วยเป็นทีมแบบนั้น แล้วกองหลังอย่าง อายเมอริค ลาปอร์ต ที่อาจจะคู่กับ เอริค การ์เซีย หรือ เปา ตอร์เรส จะรับมือกับโคตรเกมเพรสซิงของอิตาลีได้ดีขนาดไหนเพราะทั้งหมดต่างยังมีอายุและประสบการณ์ไม่ได้มากและไม่เคยโดนทดสอบมาเลยในทัวร์นาเมนต์นี้

 

นอกจากนี้การโจมตีที่เถรตรงเกินไป ด้วยการพยายามครองบอลแล้วเข้าหาพื้นที่สุดท้ายแบบที่ทำอยู่ เมื่อต้องมาอยู่ต่อหน้ากองหลังที่ขึ้นชื่อว่ามีวินัยในเกมรับดีทั้ง เลโอนาร์โด โบนุชชี กับ จอร์โจ คิเอลลินี จะแผลงฤทธิ์ได้มากขนาดไหนก็ยังเป็นที่กังขา และไม่แน่ว่าการครองบอลของสเปนในเกมนี้อาจจะโดนจำกัดอย่างชัดเจน เพราะอิตาลีเองก็ต้องการจะเป็นฝ่ายครองบอลเช่นกันก็ได้ ปัญหาทั้งหมดนั้นมีแต่ต้องหาทางแก้ในเร็ววันเท่านั้น หากสเปนต้องการจะเข้าชิงชนะเลิศยูโรในครั้งนี้

 

อาจจะมีแค่เรื่องให้เจ็บใจแต่ไม่มีอะไรน่าเสียใจสำหรับสวิตเซอร์แลนด์ 

แน่นอนว่าภาพน้ำตาของ รูเบน วาร์กาส ที่ร้องไห้กับ วลาดิเมียร์ เพ็ตโควิช แสดงออกถึงอาการใจสลายจากการยิงลูกที่จุดโทษพลาดของพวกเขาจนกลายเป็นการโทษตัวเองที่ทำให้ทีมแพ้ แต่นั่นน่าจะมาจากความเจ็บใจมากกว่าความเสียใจ เพราะในเกมกับสเปน สวิตเซอร์แลนด์ทำหน้าที่ของพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว และไม่มีอะไรให้ต้องเสียใจจริงๆ หลังจากที่เล่นกันได้ขนาดนั้น

 

อันที่จริงแล้วประตูแรกของสเปนก็ต้องบอกว่าถ้าโชคไม่เข้าข้างทัพ ‘กระทิงดุ’ พวกเขาจะสามารถเจาะประตูทีมจากแดนนาฬิกาได้หรือไม่ก็ไม่แน่ใจเช่นกัน เพราะในช่วงการต่อเวลา ทั้งที่มีคนมากกว่าและบดอยู่ข้างเดียว สเปนก็ยังไม่สามารถได้ประตูที่พวกเขาต้องการมาเลย นั่นทำให้เกมต้องไปตัดสินกันด้วยการดวลลูกที่จุดโทษในท้ายที่สุด และเมื่อถึงตรงนั้นใครจะชนะหรือแพ้ก็ได้ทั้งนั้นแล้ว

 

คนที่สมควรได้รับการยกย่องจากฟอร์มการเล่นในเกมนี้คือ ยานน์ ซอมเมอร์ ที่เซฟประตูมือเป็นระวิง แม้สุดท้ายเขาจะไม่สามารถสร้างปาฏิหาริย์ในการพาทีมชาติ สวิตเซอร์แลนด์เข้าไปสู่รอบรองชนะเลิศได้ แต่ฟอร์มการเล่นของเขาก็น่าจะประทับใจแฟนบอลทุกคนในสนาม และไม่ใช่แค่เขา อันที่จริงผู้เล่นแทบทุกคนของสวิสเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม และแทบไม่มีจุดผิดพลาดในเกมนี้เลยจริงๆ

 

การพ่ายการดวลลูกที่จุดโทษเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ เพราะเข้าใจเช่นนั้น เพ็ตโควิชจึงเข้าไปปลอบโยนกับวาร์กาสที่ร้องไห้เหมือนเด็ก นี่คือคนที่อยู่เบื้องหลังความยอดเยี่ยมของสวิตเซอร์แลนด์ชุดนี้ และหากเขายังได้คุมทีมต่อไปหลังจากศึกยูโรครั้งนี้ ในฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ เราอาจจะได้เห็นทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์สร้างสีสันพร้อมกับผลการแข่งขันอันน่าตกใจอีกครั้งก็เป็นได้

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X