องค์กรฝ่ายบริหารของสหภาพยุโรป (EU) เตรียมออกคำแนะนำให้ผ่อนคลายมาตรการเข้มงวดตามพรมแดนระหว่างชาติสมาชิก และอนุญาตให้ทยอยฟื้นการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเซกเตอร์อุตสาหกรรมที่สำคัญของ EU หลังหยุดชะงักไปจากวิกฤตโควิด-19
ช่วงที่ผ่านมายุโรปได้ระงับการท่องเที่ยวเกือบทั้งหมด ซึ่งส่งผลกระทบอย่างหนักต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดสำคัญ และมีสัดส่วนเกือบ 10% ของผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ของ EU
แม้แต่ภายในพื้นที่เชงเก้นที่ไม่มีพรมแดนขวางกั้นระหว่างสมาชิก EU และประเทศอื่นๆ ในยุโรปรวม 26 ประเทศ ก็มีอย่างน้อย 17 ประเทศที่ออกมาตรการควบคุมชายแดนอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส
แต่หลังจากนี้ คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรฝ่ายบริหารของ EU จะให้คำแนะนำโดยไม่ผูกมัดกับบรรดาชาติสมาชิก ซึ่งรวมถึงการออกมาตรการควบคุมการท่องเที่ยวเฉพาะแห่งแทนการแบนท่องเที่ยวทั้งหมด นอกจากนี้ยังแนะนำให้ทยอยยกเลิกการตั้งด่านตรวจตามพรมแดนภายในอย่างค่อยเป็นค่อยไปเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น
ก่อนหน้านี้รัฐบอลติก 3 ประเทศ อันประกอบด้วย เอสโตเนีย, ลัตเวีย และลิทัวเนีย ได้ประกาศเปิดพรมแดนให้พลเมืองสามารถข้ามพรมแดนระหว่างกันได้ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคมเป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมยังไม่สดใสนัก เพราะแม้ว่าหลายประเทศจะคลายมาตรการล็อกดาวน์แล้ว แต่ก็มีเงื่อนไขและบังคับมาตรการกักตัว 2 สัปดาห์ หรือ 14 วัน สำหรับนักเดินทางที่มาจากต่างประเทศ
ทั้งนี้มีการประเมินว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของ EU อาจสูญเสียเงินสะพัด 80-90% ในไตรมาสแรกของปี 2020 ในขณะที่ EU กำลังเผชิญกับภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ โดยคณะกรรมาธิการยุโรปประเมินว่ามีประชาชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวตกงานราว 6.4 ล้านตำแหน่ง จากทั้งหมด 12 ล้านตำแหน่งที่มีการว่าจ้างก่อนเกิดวิกฤต
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: