ผู้นำประเทศสมาชิก EU นัดถกวันที่ 20-21 ตุลาคม เพื่อกำหนดราคากลางสำหรับซื้อขายพลังงาน หวังประคองประเทศพ้นวิกฤตพลังงานขาดแคลน ขณะที่นักวิเคราะห์ระบุ การงัดมาตรการด้านราคาอาจไม่ช่วย พร้อมแนะให้เน้นการควบคุมการบริโภคพลังงานแต่ละประเทศแทน
สำนักข่าว Reuters รายงานว่า ขณะนี้ทางสหภาพยุโรป (EU) กำลังดิ้นรนเพื่อทำให้ราคาก๊าซไม่ขยับแพงขึ้นไปมากกว่านี้ โดยบรรดาผู้นำสหภาพยุโรปจะพิจารณาในวันที่ 20-21ตุลาคมนี้ เกี่ยวกับการกำหนดราคาพลังงาน ทำให้ชาติสมาชิก EU มีราคากลางในการซื้อขายพลังงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- รายงานชี้ Fed ขึ้นดอกเบี้ยไม่ช่วยสกัดเงินเฟ้อ ตราบใดที่การใช้จ่ายภาครัฐยังอยู่ในระดับสูง
- วิเคราะห์ 5 สัญญาณ บ่งชี้ เงินเฟ้อ โลกใกล้ถึงจุดพีค
- เศรษฐกิจสหรัฐฯ ‘หดตัว’ สองไตรมาสต่อเนื่อง เข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค ขณะที่ NBER ยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่าสารพัดมาตรการที่นำออกมาใช้เพื่อสกัดไม่ให้ราคาพลังงานแพงขึ้น ไม่น่าจะสร้างความแตกต่างใดๆ มากนัก และแสดงความคิดเห็นว่า การควบคุมความต้องการบริโภคพลังงานจะมีส่วนสำคัญในการจัดการกับปัญหาซัพพลายพลังงานที่หลายประเทศใน EU กำลังเผชิญกับสภาวะวิกฤตอยู่ในเวลานี้
รายงานระบุว่า เป็นเวลาหนึ่งปีแล้วที่ยุโรปได้ต่อสู้กับราคาพลังงานที่สูงผิดปกติ โดยช่วง 10 ปีก่อน สัญญาซื้อขายล่วงหน้าของ Title Transfer Facility (TTF) ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าหลักของยุโรป ไม่เคยเกิน 30 ยูโรต่อเมกะวัตต์-ชั่วโมง (MWh)
กระนั้นตัวเลขดังกล่าวก็มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว หลังการผลิตก๊าซไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้พลังงานของบรรดากลุ่มประเทศเศรษฐกิจพัฒนาแล้ว บวกกับการที่สหภาพยุโรปตัดสินใจลดการซื้อน้ำมันและก๊าซจากซัพพลายเออร์อันดับหนึ่งอย่างรัสเซีย เพื่อลงโทษกรณีที่รัสเซียรุกรานยูเครน ส่งผลให้ TTF เพิ่มขึ้นสูงถึง 300 ยูโรต่อ MWh เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
ปริมาณการซื้อขายก๊าซในปัจจุบันทำให้หลายประเทศอย่างฮังการี สาธารณรัฐเช็ก และโรมาเนีย อาจต้องเผชิญกับค่าไฟที่แพงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2023 โดยนักวิเคราะห์อุตสาหกรรม ICIS ประเมินว่า ประเทศเหล่านี้มีสิทธิ์เผชิญค่าไฟแพงเทียบเท่า 15% ของ GDP เลยทีเดียว
รายงานระบุว่า สิ่งที่ยากยิ่งกว่าก็คือการหาโซลูชันของสถานการณ์ดังกล่าว
ทั้งนี้ ข้อเสนอเฉพาะกิจ (Circuit Breakers) เพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของราคาอย่างฉับพลันนั้น ช่วยให้ราคาซื้อขายรายวันผันผวนไม่เกิน 5% แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงทิศทางโดยรวมได้ ขณะที่การกำหนดขอบเขตสูงสุดชั่วคราวในการทำธุรกรรม TTF อาจหยุดการซื้อขายเกินราคาเหมือนเดือนสิงหาคมได้ แต่สัญญาระยะยาว ราคาที่เชื่อมโยงกับ TTF อาจกระตุ้นให้เกิดการดำเนินคดีตามกฎหมายเพิ่มมากขึ้น
สำหรับการซื้อแบบรวมเป็นกลุ่ม (Club Purchases) เช่นเดียวกับที่สหภาพยุโรปเคยใช้ในการซื้อวัคซีนโควิด อาจไม่สามารถชักชวนผู้ขายให้เสนอส่วนลดจำนวนมากในขณะที่ความต้องการยังคงสูง
สิ่งเดียวที่ดูเหมือนว่าจะใช้ได้ผลคือการลดความต้องการใช้พลังงาน โดยสัญญา TTF หนึ่งเดือนเริ่มลดลงเมื่อประเทศในยุโรปชะลอการตุนพลังงานสำรอง ซึ่งขณะนี้เต็ม 92% แล้ว ขณะที่ช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่อากาศไม่ได้หนาวรุนแรงจนทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ความร้อนมากนัก ช่วยให้ราคาพลังงานลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนที่ 118 ยูโรต่อ MWh
ทั้งนี้ เนื่องจากบรรดาผู้ผลิตก๊าซนอกเหนือจากรัสเซียกำลังเดินหน้าเร่งการผลิตแบบเต็มสูบแล้ว ยุโรปจึงไม่สามารถทำอะไรได้มาก ดังนั้นการเรียนรู้ที่จะประหยัดพลังงานที่บ้านและทำให้บริษัทมีประสิทธิภาพมากขึ้น อาจเป็นวิธีเดียวที่จะลดราคาพลังงานได้
อ้างอิง:
