คณะกรรมการความปลอดภัย (PRAC) ขององค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) ยืนยันการตรวจพบความเชื่อมโยงที่เป็นไปได้ระหว่างการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัท AstraZeneca กับการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันประกอบกับภาวะเกล็ดเลือดต่ำภายหลังการฉีดวัคซีน โดยชี้ว่า ภาวะอาการที่เกิดขึ้นควรถูกระบุเป็นผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน AstraZeneca แต่ยังคงแนะนำให้ใช้วัคซีนต่อไปอย่างจำกัด เนื่องจากประโยชน์จากการฉีดวัคซีนที่มีมากกว่าความเสี่ยงจากการติดโควิด-19 ซึ่งถือเป็นโรคระบาดร้ายแรงอย่างมาก
“ก่อนอื่นฉันต้องการเริ่มต้นด้วยการชี้ว่า คณะกรรมการด้านความปลอดภัยของเราได้ยืนยันประโยชน์ของวัคซีน AstraZeneca ในการป้องกันโควิด-19 ซึ่งโดยรวมมีมากกว่าความเสี่ยงจากผลข้างเคียง” เอเมอร์ คุก กรรมการบริหาร EMA กล่าวในการแถลงข่าว
EMA ยังเตือนไปยังบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนของ AstraZeneca ให้เฝ้าระวังและสังเกตอาการของภาวะลิ่มเลือดอุดตัน ซึ่ง EMA ชี้ว่า เป็นกรณีที่เกิดขึ้นได้ยากมาก รวมถึงระดับเกล็ดเลือดต่ำ ซึ่งคาดว่าจะปรากฏภายหลังการฉีดวัคซีนราว 2 สัปดาห์ โดยกรณีที่พบส่วนใหญ่ในตอนนี้เกิดขึ้นกับผู้หญิงอายุต่ำกว่า 60 ปี และแนะนำให้ผู้ที่เริ่มปรากฏอาการข้างเคียงดังกล่าวให้รีบพบแพทย์ในทันที
จากการตรวจสอบพบว่า การอุดตันของลิ่มเลือดเกิดขึ้นภายในหลอดเลือดดำในสมอง (Cerebral venous sinus thrombosis) ในช่องท้อง (splanchnic vein thrombosis) และในหลอดเลือดแดง ซึ่งปรากฏขึ้นพร้อมกับภาวะเกล็ดเลือดต่ำและในบางกรณีมีเลือดไหล
โดย PRAC ได้สอบถามอาการจากผู้ที่ปรากฏภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำในสมอง 62 ราย และในช่องท้อง 24 ราย ซึ่งจากการตรวจสอบจนถึงวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา พบว่า ในจำนวนนี้ 18 คนเสียชีวิตแล้ว ขณะที่ทุกกรณีมีรายงานอยู่ในฐานข้อมูลความปลอดภัยของ EU ที่รวบรวมจากหลายประเทศยุโรป รวมถึงสหราชอาณาจักรที่มีประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนจาก AstraZeneca แล้วราว 25 ล้านคน
ด้าน ซาบีน สเตราส์ ประธาน PRAC ย้ำว่า กรณีภาวะลิ่มเลือดอุดตันและเกล็ดเลือดต่ำนั้นพบได้ยากมาก แต่ยอมรับหลังถูกนักข่าวตั้งคำถามว่า EMA ไม่มีข้อมูลที่จะทำให้เกิดความเข้าใจได้ว่าประโยชน์จากการฉีดวัคซีนนั้นมีมากกว่าความเสี่ยงสำหรับประชาชนบางกลุ่มตามอายุหรือเพศ
“ในขณะนี้เป็นสิ่งที่ยากจะตอบ เนื่องจากในการทดลองทางคลินิกนั้นเราไม่มีข้อมูลแบ่งกลุ่มอายุทั้งหมด” สเตราส์กล่าว พร้อมเสริมว่า PRAC กำลังรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์เพิ่มเติม
ขณะเดียวกันทางการสหราชอาณาจักรก็สรุปไปในทิศทางเดียวกันว่า ประโยชน์จากการฉีดวัคซีนของ AstraZeneca นั้นมีมากกว่าความเสี่ยงที่พบ แต่แนะนำให้ประชาชนในกลุ่มอายุต่ำกว่า 30 ปีฉีดวัคซีนชนิดอื่น เนื่องจากความเสี่ยงจากอันตรายของภาวะลิ่มเลือดอุดตันนั้นมีมากกว่าความเสี่ยงจากการติดโควิด-19 เพราะเป็นกลุ่มที่ส่วนใหญ่สุขภาพแข็งแรงและความเสี่ยงในการติดเชื้อต่ำ
สำหรับในสหราชอาณาจักรพบว่า มีกรณีผู้ได้รับวัคซีน AstraZeneca เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันและเกล็ดเลือดต่ำ 79 ราย ซึ่งหากดูจากจำนวนผู้ได้รับการฉีดวัคซีน 25 ล้านคนในตอนนี้จะคิดเป็น 4 คน จาก 1 ล้านคนที่มีโอกาสเกิดลิ่มเลือดอุดตัน และในจำนวน 79 รายนี้เป็นหญิง 51 ราย ชาย 28 ราย และเสียชีวิต 19 ราย ซึ่งในจำนวนผู้เสียชีวิตมี 3 รายที่อายุต่ำกว่า 30 ปี
ขณะที่องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ออกแถลงการณ์ภายหลังทราบข้อมูลจาก EMA และสหราชอาณาจักร โดยมองว่า จากข้อมูลที่พบมีความเป็นไปได้ที่การฉีดวัคซีน AstraZeneca และการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันอาจเกี่ยวข้องกัน แต่ยังไม่ยืนยัน และมองว่าควรมีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมเพื่อทำความเข้าใจเรื่องความเชื่อมโยงระหว่างการฉีดวัคซีนกับปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่เป็นไปได้
ภาพ: Mykola Tys / SOPA Images / LightRocket via Getty Images
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
- https://edition.cnn.com/2021/04/07/health/astrazeneca-coronavirus-vaccine-europe-uk-ema-intl/index.html?fbclid=IwAR1LclpedjgPtcg_xF3OfpCIoBRfqtmqdmsgkJk234WElUwx0xeRIFgTwCQ
- https://www.ema.europa.eu/en/news/astrazenecas-covid-19-vaccine-ema-finds-possible-link-very-rare-cases-unusual-blood-clots-low-blood
- https://www.newscientist.com/article/2274018-why-the-uk-changed-covid-19-astrazeneca-vaccine-advice-for-under-30s/