×

Eternals หนังซูเปอร์ฮีโร่ฟอร์มยักษ์ที่มีความหลากหลายที่สุดใน Marvel แต่ควรมีเวลาให้คนดูได้ชื่นชมมากกว่านี้

03.11.2021
  • LOADING...
Eternals

*บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของภาพยนตร์*

 

Eternals ได้ฤกษ์เข้าโรงให้แฟนๆ Marvel ได้ชมกันเสียที ซึ่งเรื่องนี้น่าจะเป็นภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ที่สุดของ Marvel Studios รองจาก Avengers ในแง่ของโปรดักชัน การโปรโมต และจุดขายที่ได้นักแสดงและผู้กำกับแม่เหล็กมาเป็นตัวชูโรง จึงเตรียมใจไว้เลยว่าสเกลของ Eternals จะเป็นหนังคนละแบบกับซูเปอร์ฮีโร่เดี่ยวอย่าง Black Widow และ Shang-Chi ที่เข้าโรงไปก่อนหน้าแล้ว ความท้าทายจึงแตกต่างออกไป ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย

 

ก่อนอื่นถ้าใครมีความรู้เรื่องประวัติศาสตร์อารยธรรมโลกน่าจะดูเรื่องนี้สนุกขึ้น เพราะไทม์ไลน์เรื่องนี้ลากยาวถึง 7,000 ปีของอารยธรรมและประวัติศาสตร์ของมนุษย์ ควบคู่ไปกับการปรากฏตัวของกลุ่ม Eternals ซูเปอร์ฮีโร่พลังเทพเจ้าที่ได้แรงบันดาลใจมาจากตำนานทวยเทพที่ได้รับคำสั่งจาก Celestials ผู้กุมพลังของจักรวาลไว้ เพื่อปกป้องมนุษย์จาก Deviants สัตว์ประหลาดจากนอกอวกาศ 

 

เรื่องเริ่มต้นตั้งแต่อารยธรรมแรกอย่างเมโสโปเตเมียแถบลุ่มแม่น้ำไทกริสและยูเฟรติส (ท่องได้เพราะไปสอบ), อาณาจักรบาบิโลเนีย, จักรวรรดิแอซเท็ก, อารยธรรมอินเดีย ไล่มาถึงเหตุการณ์ยุคสมัยใหม่อย่างสงครามโลกครั้งที่ 2 จนมาถึงยุคปัจจุบันหลังเหตุการณ์ The Blip

 

Eternals

Eternals

 

อย่างแรก สิ่งที่น่าชื่นชมสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้คือความหลากหลายของตัวละครหลักเวอร์ชันคนแสดง ที่มีการปรับเปลี่ยนมาจากเวอร์ชันคอมิกจากยุค 70 ของ Jack Kirby แบบชนิดที่เรียกว่าล้างไปครึ่งกระดาน ซึ่งเข้ากับกระแสความหลากหลายของวงการฮอลลีวูดและหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่มีแนวโน้มไปในทางเดียวกัน และน่าจะเป็นผลดีต่อแฟนหนังรุ่นใหม่ที่จะเติบโตไปพร้อมๆ กับซูปเปอร์ฮีโร่ที่มีหน้าตา รูปร่าง เพศ และเชื้อชาติแบบพวกเขา  

 

เริ่มกันที่ตัวละคร Ajak หัวหน้าของกลุ่ม Eternals ที่ในการ์ตูนเป็นผู้ชายร่างกำยำ แต่เวอร์ชันคนแสดงเป็นผู้หญิง โดยได้ Salma Hayek นักแสดงชาวเม็กซิกันมารับบทนี้ เธอได้ให้สัมภาษณ์ในรอบ Press Conference ว่าไม่คิดว่าจะนักแสดงละตินอย่างเธอจะได้มาเล่นบทซูเปอร์ฮีโร่ในวัยเลข 5 การมาถึงของ Salma เลยให้ความเป็นแม่มากกว่าหัวหน้าสั่งการแบบเวอร์ชันคอมิก และมู้ดของกลุ่มเลยไปในทางครอบครัวสุขสันต์มากกว่ากองทหารซึ่งเป็นธีมหลักของเรื่องนี้ 

 

เช่นเดียวกับ Makkari ผู้มีพลังวิ่งเร็วที่ในเวอร์ชันการ์ตูนก็เป็นตัวละครเพศชาย แต่ในเวอร์ชันนี้ได้นักแสดงหญิงมารับบทในภาพยนตร์ Lauren Ridloff นักแสดงหูหนวกคนแรก เช่นเดียวกับ Don Lee หรือมาดงซอก ในบทจอมพลัง Gilgamesh ที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ Thena (รับบทโดย Angelina Jolie) กลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่เชื้อสายเกาหลีคนแรกของจักรวาล MCU 

 

Eternals

 

แต่กับดักที่ได้กลายเป็นแผลของ Eternals คือจำนวนนักแสดงนำที่มีมากถึง 10 คน และเวลาที่จำกัด การเฉลี่ยเรื่องราวและให้ความสำคัญกับแง่มุมของแต่ละตัวละครจึงทำได้ยาก เช่น ในฉากที่ Phastos (Brian Tyree Henry) ต้องบอกลาคนรักและครอบครัวเพื่อกลับไปรวมตัวกับกลุ่มอีกครั้งในรอบหลายร้อยปี ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นซูเปอร์ฮีโร่ที่เป็นเกย์อย่างเปิดเผยและมีคนรักเพศเดียวกัน แถมยังมีครอบครัวที่อบอุ่นในภาพยนตร์จักรวาล Marvel แต่กับฮีโร่บางตัวที่ไม่ได้มีบทเยอะอย่าง Druig (Barry Keoghan) ผู้มีพลังควบคุมจิตใจมนุษย์ ที่บทหายไปเลยตั้งแต่กลุ่มแตก แล้วกลับมารวมกลุ่มอีกครั้งตอนที่ Deviants กลับมาในยุคปัจจุบัน  

 

แต่นอกเหนือจากนักแสดงระดับแม่เหล็ก สิ่งที่ทุกคนคาดหวังคือทิศทางการกำกับของ Chloé Zhao ผู้กำกับดีกรีออสการ์จากเรื่อง Nomadland โดยใน Eternals เรายังได้เห็นตัวตนของผู้กำกับหญิงคนแรกในภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ ทั้งเรื่องการถ่ายโลเคชันบนโลกที่สวยสะใจ ในซีนพลอดรักกลางหุบเขาของ Sersi และ Ikaris บ้านกลางทะเลทรายของ Gilgamesh กับ Thena และภาพจำลองของอารยธรรมทางประวัติศาสตร์ก่อนล่มสลาย ผสมกลิ่นอายของหนังที่เล่าความเป็นมนุษย์ในตัวของซูเปอร์ฮีโร่พลังเทพเจ้า นับเป็นอีกหนึ่งผู้กำกับที่มีลายเซ็นชัดเจนไม่ว่าจะไปอยู่ในสตูดิโอไหน พอๆ กับ James Gunn ใน Guardians of the Galaxy ทั้งสองภาคหรือ Taika Waititi จาก Thor: Ragnarok แต่ด้วยคะแนนจากนักวิจารณ์ที่ไม่สูงเท่าสองคนนั้น จะเป็นปัจจัยสำคัญให้เธอได้ร่วมงานกับ Marvel Studios ได้อีกหรือไม่

 

Eternals

 

ส่วนความรู้สึกที่ได้ระหว่างดู Eternals เราพบว่ามาเครื่องติดช่วงหลังๆ เพราะต้องเตือนก่อนว่าเรื่องนี้จะกระโดดข้ามไปมาระหว่างยุคค่อนข้างเยอะ และแทรกรายละเอียดค่อนข้างท่วมท้น เราเลยเหมือนกำลังเอาใจช่วย Chloé เล่นจักกลิ้งอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้เล่าเรื่องแข่งกับเวลาไปพร้อมๆ กับเก็บใจความสำคัญไม่ให้ตกหล่น

 

ถ้าเปรียบเทียบกับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่เข้าโรงก่อนหน้าอย่าง Dune ที่มีความยาวเกือบจะเท่ากัน แต่ต้องเล่าทั้งพื้นหลังตัวละคร สร้างจักรวาล และปูเส้นเรื่อง ก่อนจะถึงบทสรุปของหนังที่ใช้เวลาไปทั้งสิ้น 2 ชั่วโมง 35 นาที  

 

ข้อเสียเปรียบของ Eternals ที่ต้องการเล่าเนื้อหาทั้งหมดเช่นเดียวกัน และต้องจบให้ลงภายใน 2 ชั่วโมง 37 นาทีด้วย (ซึ่งความยาวเป็นรองแค่ Endgame แต่ยาวกว่า Infinity War) เราจึงคิดว่ามันอาจจะเป็นเวย์ที่เหมาะกว่า ถ้าจะสร้าง Eternals เป็นซีรีส์ฉายทาง Disney+ แบบเดียวกับ WandaVision และ The Falcon and the Winter Soldier เพราะน่าจะมีเวลาให้ Chloé ค่อยๆ เล่าเนื้อหา และทิ้งเวลาให้ผู้ชมได้ผูกพันกับฮีโร่แต่ละตัวละคร แถมยังได้โชว์ยุคต่างๆ อิงตามไทม์ไลน์โลกอย่างเต็มที่กว่านี้อีกด้วย

 

โดยเฉพาะตัวละครที่มีปมค่อนข้างเยอะอย่าง Sprite (นำแสดงโดย ​​Lia McHugh) ผู้ครอบครองพลังสร้างภาพลวงตา แต่ต้องติดอยู่ในร่างของเด็กไปตลอด จนกลายเป็นชนวนที่ทำให้เธอต้องมีปัญหารักสามเศร้ากับ Sersi และ Ikaris ซึ่ง Lia ถือว่าแสดงได้ดีและทัดเทียมนักแสดงรุ่นพี่เลย

 

Eternals

 

โดยรวมแล้ว Eternals ไม่ถือว่าเป็นหนังที่น่าผิดหวัง แต่เนื้อเรื่องยังติดรูปแบบคอนฟลิกต์เดิมๆ จนเดาตอนจบได้ 

 

อย่างไรก็ตาม ด้วยเทคนิคอันแพรวพราวและเอฟเฟกต์ที่ไม่เป็นสองรองใคร Eternals ก็พอที่จะทำให้คนดูเพลินไปได้ตลอดเรื่อง ส่วนท้าย End Credits ยังมีเกร็ดนิดๆ ให้เราตามต่อไป กับการมาถึงของ 2-3 ตัวละครที่เป็นการเปิดประตูสู่เฟสใหม่ที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้สามเฟสแรก 

 

และต้องจับตามองว่านอกจากฮีโร่แก๊งเดิมอย่าง Captain Marvel, Guardians of the Galaxy, Doctor Strange หรือ Thor และ Spider-Man ที่จ่อเข้าโรงแล้ว Kevin Feige จะสามารถสร้างความผูกพันกับซูเปอร์ฮีโร่ตัวใหม่ๆ ที่แฟนหนังชาวไทยไม่คุ้นเคยได้อย่างไร ซึ่ง Eternals มีศักยภาพไปถึงจุดนั้นได้ เพียงแค่น่าจะต้องให้เวลาคนดูได้รู้จักพวกเขามากกว่านี้อีกสักหน่อย

 

Eternals

 

สามารถชมตัวอย่างภาพยนตร์ได้ที่:

 

 

Eternals

 

ภาพ: ​Marvel Studio

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X