กองทุนด้าน ESG หลาย 10 แห่ง แห่ขายหุ้น Tencent Holdings คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 1,200 ล้านดอลลาร์ ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการเซ็นเซอร์ของทางการจีน และความเสี่ยงด้านกฎระเบียบที่เพิ่มขึ้น
เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา Sustainalytics ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยและจัดอันดับ ESG ได้ปรับลดความน่าเชื่อถือของ Tencent ให้อยู่ในหมวด ‘ไม่ปฏิบัติตาม’ กับหลักการ UN ตั้งแต่นั้นมา บรรดากองทุน ESG ในยุโรป เช่น AXA Investment Managers, Candriam และ Storebrand Asset Management รวมทั้งกองทุนด้าน ESG อื่นๆ กว่า 40 แห่ง ได้ขายหุ้น Tencent ออกมารวมกันกว่า 1,200 ล้านดอลลาร์ จากข้อมูลของ Bloomberg
แม้ว่านักลงทุน ESG จำนวนมากจะยังคงเป็นเจ้าของหุ้น Tencent และบริษัทเทคจีนอื่นๆ แต่ความเคลื่อนไหวดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า บางบริษัทกำลังต่อสู้กับความท้าทายที่เกิดจากการสอดแนม และการปราบปรามเสรีภาพในการพูดของจีน รวมไปถึงแพลตฟอร์ม เช่น WeChat ของ Tencent ซึ่งการปราบปรามบริษัทเทคโนโลยีของรัฐบาลจีนได้กลายเป็นคำถามถึงความเป็นไปได้ในการลงทุนภาคส่วนนี้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
Simon MacMahon หัวหน้าฝ่ายวิจัย ESG ระดับโลกของ Sustainalytics ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของ Morningstar ระบุว่า การเซ็นเซอร์และการสอดแนมกำลังเพิ่มขึ้นภายในจีน และได้ขยายออกไปยังเรื่องอื่นๆ เช่น ศาสนา, LGBTQIA+, สงครามยูเครน และโควิด บริษัทอินเทอร์เน็ตของจีนทั้ง Baidu และ Weibo ต่างก็ถูกลดอันดับเช่นกัน โดย Simon กล่าวว่า ทั้งสามบริษัทมีบทบาทสำคัญในเรื่องเหล่านี้
ขณะที่กองทุน Storebrand ระบุว่า ได้ขายหุ้นออกไปเนื่องจากการปรับลดระดับของ Sustainalytics บริษัทอื่นๆ รวมถึง Alecta บริษัทบำนาญที่ใหญ่ที่สุดของสวีเดนที่มีพอร์ตการลงทุน 107,000 ล้านดอลลาร์ ก็เทขายหุ้นทั้งหมดที่ถืออยู่ เนื่องจากความเสี่ยงจากการแทรกแซงของรัฐบาลจีนในธุรกิจเอกชน
นอกจากนี้ Alecta ได้ขายหุ้น Alibaba ออกไปด้วย ซึ่งถือว่าไม่มีการลงทุนโดยตรงในบริษัทจีนอีกต่อไป Carina Silberg หัวหน้าฝ่ายธรรมาภิบาลและความยั่งยืนของ Alecta เผยว่า ความเสี่ยงในบริษัทจีนประเมินได้ยาก และการพัฒนาในจีนก็ไม่เป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง
ในขณะเดียวกันโฆษกของ Candriam ผู้ให้บริการรายใหญ่อันดับสามของกองทุนประเภท ‘Article 9’ ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลที่เข้มงวดที่สุดในสหภาพยุโรป กล่าวว่า บริษัทได้ตัดสินใจในเดือนธันวาคมที่จะถอด Tencent ออกจากพอร์ตการลงทุนทั้งหมด การตัดสินใจถือเป็นเรื่องที่ยากจากมุมมองทางการเงิน แต่ก็ตัดสินใจจากการที่ Tencent ล้มเหลวในการปฏิบัติตามมาตรฐาน ESG ของ Candriam
การรุกรานยูเครนของรัสเซียจุดชนวนให้เกิดการถกเถียงกันอย่างหนักว่านักลงทุน ESG ควรกีดกันบริษัทที่ตั้งอยู่ในประเทศเผด็จการหรือไม่ เหล่าผู้จัดการสินทรัพย์รวมถึง Mirova ซึ่งเป็นหน่วยการลงทุนยั่งยืนมูลค่า 29,000 ล้านดอลลาร์ กล่าวเมื่อปีที่แล้วว่า ได้ขึ้นบัญชีดำกับสินทรัพย์ของจีนบางส่วน สงครามรัสเซีย-ยูเครนชี้ให้เห็นว่า หากไม่มีประชาธิปไตยก็แสดงว่าไม่มีความรับผิดชอบในการลงทุน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- 5 กองทุน SSF ที่ผลตอบแทนโดดเด่นในรอบ 3 เดือน และ 1 ปี
- เจาะกองทุน SSF/RMF ดาวเด่นสายฮิต กับ SCBRM4 และ SCBLT1-SSF
- 10 กองทุน RMF ที่ผลตอบแทนดีสุดตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน
อ้างอิง:
