โรงแรมเอสเคปคาดรายได้ช่วงสิ้นปีปิดยอด 100 ล้านบาท ยังไม่มีแผนขยายสาขาเพิ่ม เน้นบริหารจัดการให้ได้กำไรมากขึ้น เชื่อจะได้ความรู้จากโรงแรมเดอะ แสตนดาร์ดมาปรับใช้ เดินหน้าเพิ่มการใช้สื่อออนไลน์มากขึ้นเป็น 70% ในปี 2561
อุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้บริหารแบรนด์โรงแรมเอสเคป ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันโรงแรมเอสเคปเป็นบูทีกโฮเทล มี 2 แห่ง คือ เขาใหญ่และหัวหิน ดำเนินการมาแล้ว 4 ปี แม้ว่าช่วงสามไตรมาสแรกของปีนี้อาจจะได้รับผลกระทบจากบรรยากาศการท่องเที่ยวไม่คึกคัก แต่เชื่อว่าสิ้นปีนี้ผู้คนจะท่องเที่ยวและใช้จ่ายมากขึ้น เห็นได้จากอัตราการจองห้องพักที่สูงเกือบ 100% ส่งผลให้อัตราเข้าพักเฉลี่ยทั้งปีของโรงแรมเอสเคปน่าจะสูงกว่า 70%
แม้ว่ารายได้ของโรงแรมเทียบกับรายได้ทั้งหมดของเครือแสนสิริปีละ 30,000 ล้านบาทจะยังเป็นสัดส่วนที่เล็ก แต่เชื่อว่าจะเติบโตขึ้นและทำรายได้แตะ 100 ล้านบาทในสิ้นปี 2560 นี้ โดยมาจากสาขาเขาใหญ่ 60 ล้านบาท และสาขาหัวหิน 40 ล้านบาท และยังตั้งเป้าเติบโต 10% ในปี 2561 สำหรับแผนการรุกตลาดปีหน้า จะทำกิจกรรมทางการตลาดกับกลุ่มชาวต่างชาติมากขึ้น ทั้งนักท่องเที่ยวจีน สิงคโปร์ ฮ่องกง เวียดนาม และนักท่องเที่ยวยุโรปที่ตอนนี้เริ่มออกเดินทางมากขึ้น สอดคล้องกับเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น ปัจจุบันลูกค้าชาวจีนและสิงคโปร์นิยมพักที่สาขาเขาใหญ่ ขณะที่ลูกค้ายุโรปและสแกนดิเนเวียจะนิยมพักที่หัวหินมากกว่า จึงแบ่งเซกเมนต์การทำการตลาดของทั้งสองแห่งได้ชัดเจน
แม้งบประมาณในการทำสื่อการตลาดของธุรกิจโรงแรมจะไม่มาก อยู่ที่ 3-5% โรงแรมเอสเคปจะปรับทิศทางไปใช้สื่อดิจิทัลมากขึ้น โดยจะใช้เป็นสัดส่วน 70% ของงบประมาณทั้งหมด และสื่อออฟไลน์ที่เป็นสื่อดั้งเดิมจะใช้ 30% ซึ่งจากนี้จะใช้การทำการตลาดดิจิทัลที่เข้มข้นขึ้นร่วมกับการออกบูธโปรโมตตามงานแฟร์ในต่างประเทศร่วมด้วย นอกจากนี้ยังมองการลงทุนของเครือแสนสิริในแบรนด์โรงแรมเดอะ แสตนดาร์ดว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะทั้งเอสเคปและเดอะ แสตนดาร์ดจับตลาดลูกค้าคนละกลุ่มชัดเจนแม้จะเป็นบูทีกโฮเทลเหมือนกัน เชื่อว่าจะได้องค์ความรู้การบริหารจัดการจากแบรนด์ดังของอเมริกานี้มาช่วยพัฒนาการบริหารงานของโรงแรมด้วย
เป็นอีกความเคลื่อนไหวของแบรนด์ภายใต้ ‘แสนสิริ’ ที่ปีนี้มีข่าวคราวให้ฮือฮาอยู่บ่อยครั้ง และเชื่อว่าจะได้เห็นอะไรใหม่ๆ อีกพอสมควรในปีหน้า
