เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ทันหุ้นรายงานว่า กระทรวงการคลังโดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ได้มอบหมายให้บริษัท สหโรงแรมไทยและการท่องเที่ยว จำกัด (100% ถือหุ้นโดยกระทรวงการคลัง) หาแนวทางในการบริหารสินทรัพย์คือที่ดินโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาต่อสัญญาเช่าให้เกิดความคุ้มค่า
รายละเอียดการเช่าโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ ถือหุ้นโดย ERW สัดส่วน 73.64% และบริษัท สหโรงแรมไทยและการท่องเที่ยว จำกัด สัดส่วน 26.36% (เป็นเจ้าของที่ดินและอาคารโรงแรม) ERW เป็นผู้เช่าเพื่อดำเนินกิจการโรงแรม โดยโรงแรมนี้เป็นโรงแรมหลัก คิดเป็น 15-20% ของรายได้ ERW
สัญญาเช่าระยะยาว 30 ปี สิ้นสุดลงในเดือนกรกฎาคม 2564 และ ERW มีสิทธิต่อสัญญาเช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไปได้อีก 20 ปี สัญญาระยะยาว 20 ปียังอยู่ในระหว่างการเจรจา ซึ่งในระหว่างนี้ ERW ได้ทำการต่อสัญญาเช่าลักษณะปีต่อปี
ข่าวนี้ทำให้ตลาดเกิดความกังวลเกี่ยวกับค่าเช่าที่มีแนวโน้มปรับขึ้นหลังจากต่อสัญญา อย่างไรก็ดี InnovestX Research เชื่อว่าการขึ้นค่าเช่าสะท้อนในการดำเนินงานของโรงแรมไปแล้ว เมื่ออิงกับที่ได้ประเมิน ค่าเช่ารายปีในปัจจุบันของโรงแรมดังกล่าวอยู่ที่ ~100 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าจำนวน ~14 ล้านบาท ในปี 2564 (ปีสุดท้ายของสัญญาเช่าระยะยาว 30 ปี) ค่อนข้างมากแล้ว การต่อสัญญาเช่ามีแนวโน้มจะทำให้ค่าเช่าปรับเพิ่มขึ้น
แต่การวิเคราะห์ความอ่อนไหวบ่งชี้ว่าค่าเช่าที่เพิ่มขึ้น 10% จะสามารถชดเชยได้ด้วยการปรับ ARR ที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ เพิ่มขึ้น 1% ซึ่งมองว่าสามารถทำได้ เพราะอัตราการเข้าพักของโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ อยู่ในระดับสูงที่ ~80% ในปี 2566 และสามารถปรับ ARR เพิ่มขึ้นได้ผ่านการปรับปรุงห้องพัก
กระทบอย่างไร:
เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา ราคาหุ้น ERW ปรับลง 2.79% สู่ระดับ 4.18 บาท ขณะที่ SET Index ปรับขึ้น 0.25% สู่ระดับ 1,323.28 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2567:
InnovestX Research คาดการณ์กำไรปกติ 2Q67 ของ ERW ที่ 142 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7%YoY แต่ลดลง 51%QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญคือกลุ่มโรงแรม 3-5 ดาว ซึ่งได้ประเมินว่า RevPAR จะเติบโต 5%YoY (แต่ลดลง 14%QoQ) โดยได้รับการสนับสนุนจาก ARR ที่เพิ่มขึ้น 6%YoY (แต่ลดลง 9%QoQ) และอัตราการเข้าพักที่แข็งแกร่งที่ 80% สำหรับปี 2567 ยังคงประมาณการกำไรปกติไว้ที่ 873 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 17%YoY)
กลยุทธ์การลงทุน:
ให้คำแนะนำ Tactical Call ระยะ 3 เดือน สำหรับ ERW ที่ OUTPERFORM ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 ที่ 6.20 บาทต่อหุ้น ราคาหุ้น ERW ปรับตัวลดลง 3% เมื่อวานนี้ (11 กรกฎาคม) โดยซื้อขายที่ PE ปี 2567 ระดับ 23 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต (38 เท่า) และค่า Median ของหุ้นกลุ่มโรงแรม (31 เท่า)
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความต้องการเดินทาง, ความไม่แน่นอนทางการเมือง และต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไร ความเสี่ยง ESG คือการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมที่มีประสิทธิภาพ (E)