เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2566 บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW) รายงานกำไรสุทธิที่แข็งแกร่งใน 2Q66 ที่ 142 ล้านบาท หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรปกติอยู่ที่ 133 ล้านบาท ฟื้นตัวจากขาดทุนปกติ 131 ล้านบาทใน 2Q65 แต่ลดลง 41%QoQ จากปัจจัยฤดูกาล อีกทั้งตัวเลขดังกล่าวยังสูงกว่ากำไรปกติ 2Q62 ที่ 11 ล้านบาทอย่างมากด้วย กำไรปกติสูงกว่าคาดมากถึง 90% และสูงกว่า Consensus คาด 45% โดยได้รับการสนับสนุนจาก RevPAR EBITDA Margin และส่วนแบ่งกำไรที่แข็งแกร่ง
สำหรับรายการที่สำคัญมีดังนี้
- หากไม่รวมกลุ่มโรงแรมบัดเจ็ต HOP INN รายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPAR) ใน 2Q66 อยู่ที่ 2,361 บาทต่อห้อง เพิ่มขึ้นเท่าตัว YoY จากฐานต่ำ แต่ลดลง 9%QoQ ซึ่งบ่งชี้ถึงช่วงโลว์ซีซันที่แข็งแกร่ง โดยได้รับการสนับสนุนจาก ARR ที่แข็งแกร่ง (เพิ่มขึ้น 40%YoY, ลดลง 5%QoQ) และอัตราการเข้าพักที่ 80% (เทียบกับ 55% ใน 2Q65 และ 84% ใน 1Q66) ทั้งนี้ใน 2Q66 RevPAR โดยรวมสูงกว่าระดับก่อนเกิดโควิดอยู่ 18% หลักๆ เกิดจาก ARR ที่สูงกว่าระดับก่อนเกิดโควิดอยู่ 17% ในขณะที่อัตราการเข้าพักแตะระดับก่อนเกิดโควิด การดำเนินงานดีขึ้นในโรงแรมทุกกลุ่มทั้งลักชัวรี ระดับกลาง และชั้นประหยัด
- กลุ่มโรงแรมบัดเจ็ต HOP INN (20% ของรายได้): RevPAR ในประเทศไทยเติบโต 18%YoY และทรงตัว QoQ ในขณะที่ RevPAR ในฟิลิปปินส์เติบโต 43%YoY และทรงตัว QoQ
- EBITDA Margin อยู่ที่ 29.2% ใน 2Q66 ปรับตัวดีขึ้นจาก 18.0% ใน 2Q65 แต่ลดลงจาก 32.3% ใน 1Q66
- ส่วนแบ่งกำไรอยู่ที่ 21 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 9 ล้านบาทใน 2Q65 และ 3 ล้านบาทใน 1Q66 จากการเพิ่มขึ้นของการประเมินมูลค่าสินทรัพย์ของ ERWPF
- อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนอยู่ที่ 1.58 เท่า ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 ดีขึ้นจาก 1.67 เท่า ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566 และต่ำกว่า Debt Covenant ที่ 2.5 เท่า
กระทบอย่างไร:
วันที่ 16 สิงหาคม ณ เวลา 12.30 น. ราคาหุ้น ERW ปรับเพิ่มขึ้น 2.49%DoD สู่ระดับ 4.94 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลดลง 0.74%DoD อยู่ที่ระดับ 1,509.51 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2566:
InnovestX Research ปรับประมาณการกำไรปกติของ ERW เพิ่มขึ้น 43% ในปี 2566 และ 16% ในปี 2567 เพื่อสะท้อนผลประกอบการที่ดีเกินคาด ทั้งนี้หลังจากปรับประมาณการกำไร โดยประเมินกำไรปกติปี 2566 ได้ที่ 718 ล้านบาท สูงกว่าระดับก่อนเกิดโควิดอยู่ 47% โดยอิงกับ RevPAR ที่เติบโต 72%YoY ในปี 2566 สูงกว่าระดับก่อนเกิดโควิดอยู่ 24% และคาดว่าการดำเนินงานและผลประกอบการ 3Q66 ของ ERW จะเติบโต YoY และ QoQ อย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับภาคการท่องเที่ยวไทยที่ปรับตัวดีขึ้น
อย่างไรก็ดี ด้วยมุมมองเชิงบวกต่อการปรับเพิ่มประมาณการกำไรและกำไรที่แข็งแกร่งใน 3Q66 น่าจะช่วยสนับสนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยกลยุทธ์การลงทุนให้เรตติ้ง Outperform สำหรับ ERW ด้วยราคาเป้าหมายใหม่สิ้นปี 2567 ที่ 6 บาทต่อหุ้น อ้างอิง EV/EBITDA ที่ 13 เท่า (เพิ่มขึ้นจากราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ 5.50 บาทต่อหุ้น หลังจากปรับประมาณการกำไรเพิ่มขึ้น และปรับปีฐานที่ใช้ประเมินมูลค่า) และเลือก ERW เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มท่องเที่ยว
ส่วนปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความต้องการเดินทาง, ความไม่แน่นอนทางการเมือง และต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไร