×

เอ็นโซ มาเรสกา อีกหนึ่ง ‘เงา’ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา

28.05.2024
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 MIN READ
  • ในกระบวนการสรรหาคนที่จะมาทำงานแทนโปเชตติโนต่อไป ซึ่งมีชื่อของกุนซือน้ำดีในวงการหลายต่อหลายคน สุดท้ายคนที่ผ่านการคัดเลือกคือมาเรสกา ผู้ที่เพิ่งขึ้นรถแห่ฉลองแชมป์เดอะแชมเปียนชิป และพาเลสเตอร์ขึ้นชั้นกลับมาสู่พรีเมียร์ลีกได้อีกครั้ง
  • มาเรสกาถือเป็นหนึ่งในลูกศิษย์สายตรงของกุนซืออัจฉริยะมือหนึ่งของโลกที่มีเส้นทางคล้ายกับ มิเกล อาร์เตตา อีกหนึ่งศิษย์ที่นำอาร์เซนอลขึ้นมาเบียดลุ้นแชมป์ได้ถึง 2 ฤดูกาลติดต่อกันแล้ว
  • นอกเหนือจากฝีไม้ลายมือแล้ว สิ่งที่ทำให้มาเรสกาเข้าป้ายได้คือ การยอมรับ ‘โครงสร้าง’ ในการบริหารของสโมสร ซึ่งแบ่งหน้าที่ของโค้ชที่เป็นผู้คุมทีมอย่างชัดเจน

ขณะที่สถานการณ์ภายในรั้วโอลด์แทรฟฟอร์ดยังไม่มีความชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นอนาคตของ เอริก เทน ฮาก ว่าจะได้อยู่คุมทีมต่อไปหรือไม่ และหากไม่ใช่เขา แล้วใครคือคนที่จะมารับช่วงตำแหน่งต่อ

 

ลงใต้มาที่ลอนดอน ดูเหมือนเชลซีจะจัดการปัญหาได้เร็วและเด็ดขาดกว่า เมื่อพวกเขาตัดสินใจที่จะเลือก เอ็นโซ มาเรสกา กุนซือมือใหม่ที่พาเลสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นชั้นกลับมาสู่พรีเมียร์ลีกได้มาคุมทีมต่อจาก เมาริซิโอ โปเชตติโน ที่ตัดสินใจแยกทางกันไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

 

แน่นอนว่าการตัดสินใจครั้งนี้นำมาซึ่งคำถามที่หลากหลาย แต่ขั้นต่ำที่สุด มาเรสกาถือเป็นศิษย์อีกคนที่สำเร็จการศึกษามาจาก เป๊ป กวาร์ดิโอลา

 

แค่นี้ก็อาจจะเพียงพอแล้ว?

 

สำหรับเชลซี ภายหลังจากเผชิญกับฤดูกาลที่เต็มไปด้วยปัญหาชนิดที่ ‘เกือบหลับ’ แต่โชคดีที่ยังหาทาง ‘กลับมาได้’ จนได้โควตาไปเล่นฟุตบอลสโมสรยุโรปในฤดูกาลหน้า

 

 

สิ่งที่ฝ่ายบริหารตัดสินใจจัดการให้เด็ดขาดคือ เรื่องการทำงานร่วมกับ เมาริซิโอ โปเชตติโน นายใหญ่ชาวอาร์เจนไตน์ที่ระยะหลังมีปัญหาความสัมพันธ์แตกร้าวกับ ทอดด์ โบห์ลี เจ้าของสโมสร พอสมควร หนึ่งในเหตุการณ์ที่หลายคนจำกันได้คือ การเมินใส่ในตอนขึ้นรับเหรียญรางวัลรองแชมป์ลีกคัพเมื่อไม่กี่เดือนก่อน

 

โปเชตติโนถูก ‘ประเมิน’ การทำงานทันทีหลังจบฤดูกาล โดยฝ่ายบริหารไม่ได้ใช้ความรู้สึก แต่นำข้อมูลที่เก็บรวบรวมมาแสดงให้เห็นถึงผลงานทั้งหมด อะไรดี อะไรไม่ดี อะไรที่รับได้ และอะไรที่รับไม่ได้

 

แต่ ‘ปม’ ใหญ่ที่เป็นการประลองกำลังภายในกันระหว่างสองฝ่ายคือ เรื่องของอำนาจและการมีส่วนร่วมตัดสินใจเกี่ยวกับกระบวนการจัดซื้อผู้เล่นเข้ามาสู่ทีม ซึ่งโปเชตติโนมีจุดยืนชัดเจนว่าต้องการอำนาจและการตัดสินใจที่เด็ดขาด หลังจากที่ต้องแบกรับปัญหาเกี่ยวกับผู้เล่นที่ฝ่ายบริหารจัดการหามาให้จนอีนุงตุงนังวุ่นวายไปหมด

 

จุดยืนดังกล่าวเป็นสิ่งที่เชลซีให้ไม่ได้ เพราะจุดยืนสำหรับสโมสรที่ชัดเจนเช่นกันคือ ใครก็ตามที่จะมาทำงานที่สแตมฟอร์ดบริดจ์ก็มีหน้าที่ในการทำทีมให้ดีที่สุดเท่านั้น

 

สุดท้ายเรื่องจึงจบด้วยการแยกทางกัน และนำไปสู่กระบวนการสรรหาคนที่จะมาทำงานแทนโปเชตติโนต่อไป ซึ่งมีชื่อของกุนซือน้ำดีในวงการหลายต่อหลายคน

 

แต่สุดท้ายคนที่ผ่านการคัดเลือกคือมาเรสกา ผู้ที่เพิ่งขึ้นรถแห่ฉลองแชมป์เดอะแชมเปียนชิป และพาเลสเตอร์ขึ้นชั้นกลับมาสู่พรีเมียร์ลีกได้อีกครั้ง

 

โดยเรื่องตอนนี้อยู่ในกระบวนการเจรจาค่าเสียหายกัน ที่คาดว่าเชลซีจะต้องจ่ายให้เลสเตอร์ราว 9 ล้านปอนด์เพื่อให้เรื่องเงียบ ซึ่งคาดว่าไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด

 

 

ทำไมถึงต้องเป็นมาเรสกา?

 

เรื่องนี้เป็นคำถามที่ดี เพราะอดีตนักเตะเชิงสูงผู้ผันตัวเองมาในสายงานการเป็นโค้ช เพิ่งจะมีประสบการณ์ในการทำงานเต็มตัวเพียงแค่ฤดูกาลเดียวกับเลสเตอร์ ซิตี้

 

แต่ก่อนหน้าจะรับงานกับเลสเตอร์ มาเรสกาได้เก็บเกี่ยววิชาจากการเป็นมือขวาของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ชุดพาแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้า ‘เทรเบิลแชมป์’ ในฤดูกาล 2022/23

 

แน่นอนว่าคาดเดาได้ไม่ยากว่าเขาถือเป็นหนึ่งในลูกศิษย์สายตรงของกุนซืออัจฉริยะมือหนึ่งของโลกที่มีเส้นทางคล้ายกับ มิเกล อาร์เตตา อีกหนึ่งศิษย์ที่นำอาร์เซนอลขึ้นมาเบียดลุ้นแชมป์ได้ถึง 2 ฤดูกาลติดต่อกันแล้ว

 

ฟุตบอลในแบบของมาเรสกาแทบจะเป็นแบบจำลองเดียวกันกับอาจารย์ของเขา

 

ระบบการเล่นแบบ 4-3-3 เน้นการครองบอล ใช้ฟูลแบ็กหุบใน (Inverted Full-Back) เล่นอย่างอดทนเพื่อทำให้คู่ต่อสู้อ่อนล้าทั้งร่างกายและจิตใจ และทุกจังหวะการเล่นต้องเนี้ยบ

 

มาเรสกาสามารถเปลี่ยนให้เลสเตอร์เล่นฟุตบอลในแบบที่ว่าข้างต้นได้อย่างน่าประทับใจ แม้ว่าศักยภาพของนักเตะจะไม่ได้อยู่ในระดับสูงก็ตาม แต่ก็ทำให้นักเตะอย่าง เจมี วาร์ดี กลับมาคืนชีพได้ เช่นเดียวกับฟูลแบ็กอย่าง ริคาร์โด เปเรรา และ เจมส์ จัสติน เล่นในแบบสมัยใหม่ได้

 

ฟุตบอลแบบนี้คือสิ่งที่สามารถคาดหวังว่าจะได้เห็นจากเชลซีในฤดูกาลหน้า

 

โคล พาลเมอร์ นักเตะเบอร์หนึ่งของทีม ก็คุ้นเคยกับมาเรสกาจากช่วงที่เคยอยู่ด้วยกันในถิ่นเอติฮัดสเตเดียม และเชื่อได้ว่ากุนซือวัย 44 ปีผู้นี้มี ‘ไอเดีย’ ที่จะใช้งานกองหน้าอัจฉริยะผู้นี้อย่างแน่นอน

 

 

นอกเหนือจากฝีไม้ลายมือแล้ว สิ่งที่ทำให้มาเรสกาเข้าป้ายได้คือ การยอมรับ ‘โครงสร้าง’ ในการบริหารของสโมสร ซึ่งแบ่งหน้าที่ของโค้ชที่เป็นผู้คุมทีมอย่างชัดเจน

 

เขายอมรับได้ที่จะทำหน้าที่แค่ในส่วนของ ‘งานในสนาม’ ซึ่งเป็นสิ่งที่ฝ่ายบริหารพอใจ เพราะต้องการ ‘ควบคุม’ ทิศทางในการบริหารให้ไปตามที่ต้องการ

 

ลิเวอร์พูลที่มีเจ้าของเป็นชาวอเมริกันก็ทำแบบเดียวกันในการหาคนมาแทนที่ของ เจอร์เกน คล็อปป์ ซึ่ง อาร์เน สลอต ตกลงที่จะทำงานอยู่ใต้ ริชาร์ด ฮิวจ์ส ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค และ ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์ ซีอีโอฟุตบอลของ Fenway Sports Group (FSG)

 

อย่างไรก็ดี สิ่งที่จะตัดสินมาเรสกาจริงๆ คือเรื่องของผลงานในการทำทีม

 

ถ้าสามารถสร้างทีมให้เล่นฟุตบอลที่ดี พอมองเห็นอนาคตได้ บางทีเขาอาจจะเป็นคนแรกในรอบหลายปีที่จะได้คุมทีมเชลซีในระยะยาว หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งคนคุมทีมมาหลายถึง 7 คนในระยะเวลา 5 ปี

 

ไม่ใช่งานที่ง่าย

 

แต่สำหรับมาเรสกา เขามองความท้าทายนี้เป็นโอกาสที่ไม่อาจปฏิเสธได้

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X