วันนี้ (28 มกราคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการกำหนดสัดส่วนของคาสิโนในร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …. (Entertainment Complex) ว่าที่ไม่ได้กำหนดสัดส่วนตั้งแต่ต้นเพราะไม่อยากเอาความคิดของเราไปกำหนด ขณะนี้ยังไม่แน่ใจว่าสุดท้ายแล้วผู้กำหนดนโยบายในขณะนั้นจะกำหนดว่าอย่างไร ถ้ากำหนดให้เท่าสนามกีฬาก็อาจจะลดลงเหลือ 1% แต่หากกำหนดให้มีพื้นที่เล็กลงเท่าสนามบาสเกตบอลสัดส่วนก็อาจจะลดลงเหลือ 4-5% ซึ่งเรายังตอบไม่ได้ เพราะขึ้นอยู่กับเจตจำนงของผู้ที่มากำหนดนโยบายในขณะนั้น จึงได้เปิดกว้างไว้ แต่หากจะกำหนดให้สัดส่วนไม่เกิน 10% ก็สามารถดำเนินการได้ ไม่กระทบอะไร จึงเชื่อว่าสามารถบริหารจัดการได้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะไม่ทำให้เกิดช่องโหว่ทางกฎหมายใช่หรือไม่ จุลพันธ์ยืนยันว่านโยบายนี้ไม่ใช่เรื่องการทำคาสิโน หากมองในประเทศเพื่อนบ้านที่มีอาคารและห้องสำหรับเล่นการพนัน อันนั้นไม่ใช่ เพราะนโยบายนี้คือโมเดลทางธุรกิจที่ดึงเอาการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญมาให้กับประเทศไทย ซึ่งจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ดึงเงินลงทุนเป็นแสนล้านบาท
สำหรับเรื่องสถานที่ตั้งคาสิโนนั้น จุลพันธ์กล่าวว่า ไม่ได้เขียนไว้ในกฎหมาย ขึ้นอยู่กับซูเปอร์บอร์ดตัดสินใจและต้องเปิดโอกาส เพราะยังไม่ทราบว่าในครั้งหน้าใครจะมาเป็นรัฐบาล เมื่อถึงเวลาเขาก็จะต้องพิจารณาว่าอะไรมีความเหมาะสม ซึ่งเราไม่รู้ว่าในเวลาข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าในอนาคตคาสิโนก็อาจมีสัดส่วนเกิน 10% ได้ใช่หรือไม่ จุลพันธ์ตอบว่า โดยโมเดลธุรกิจไม่เกินอยู่แล้ว มาตรฐานของทั่วโลกไม่เกิน 5% กันทั้งนั้น เช่น สิงคโปร์ก็มีเพียง 3% ไม่ใช่ว่าใครจะสามารถทำเป็นคาสิโน 100% ได้ แล้วจะเป็นองค์ประกอบของเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ได้อย่างไร อย่าจินตนาการเกินเลยกว่าข้อเท็จจริง พร้อมย้ำว่าไม่ได้มีข้อกังวลตามที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์ ทำตามหน้าที่และขั้นตอน