เงินเฟ้อ อังกฤษเดือน ก.ค. พุ่งแตะ 10.1% ทำสถิติสูงสุดในรอบกว่า 40 ปีอีกครั้ง

เงินเฟ้อ ของสหราชอาณาจักรพุ่งขึ้นแตะระดับ 10.1% ทำสถิติสูงสุดในรอบกว่า 40 ปีอีกครั้งในเดือนกรกฎาคม จากราคาอาหารและพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนสร้างแรงกดดันต่อการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนและเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้เศรษฐกิจหดตัวยาวนาน

สถานการณ์เงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นในอังกฤษเป็นไปในทิศทางเดียวกับประเทศอื่นๆ ในยุโรป ที่ต่างได้รับผลกระทบจากราคาพลังงานที่ปรับเพิ่มขึ้นหลังจากรัสเซียสั่งระงับส่งก๊าซธรรมชาติให้กับยุโรป โดยมีแนวโน้มว่าเงินเฟ้อทั่วทั้งยุโรปอาจพุ่งขึ้นต่อเนื่องจากความต้องการใช้พลังงานที่จะเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว สวนทางกับเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ที่เริ่มชะลอตัวลงบ้างแล้ว

สำนักสถิติแห่งชาติของสหราชอาณาจักร รายงานตัวเลขเงินเฟ้อในเดือนกรกฎาคมออกมาที่ 10.1% เพิ่มขึ้นจากระดับ 9.4% ในเดือนมิถุนายน ซึ่งถือเป็นระดับเงินเฟ้อสูงสุดในรอบกว่า 40 ปี และเป็นการปรับเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อที่แรงที่สุดในกลุ่มประเทศ G7

Alpesh Paleja หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของสมาพันธ์อุตสาหกรรมอังกฤษ ระบุว่าตัวเลขเงินเฟ้อที่ออกมากำลังสร้างความกังวลให้กับผู้บริโภคและภาคธุรกิจ โดยมีความเป็นไปได้ที่เงินเฟ้อจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกในช่วงที่เหลือของปี หลังจากมาตรการตรึงราคาพลังงานให้กับภาคครัวเรือนของรัฐบาลจะสิ้นสุดลงในเดือนตุลาคมนี้ โดยธนาคารกลางอังกฤษได้ประเมินว่าเงินเฟ้อในปีนี้อาจพุ่งขึ้นสูงถึง 13%

ขณะที่สหภาพยุโรปจะมีการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อประจำเดือนกรกฎาคมในวันพรุ่งนี้ (18 สิงหาคม) โดยตลาดคาดการณ์ว่าตัวเลขจะออกมาที่ 8.9% เพิ่มขึ้นจาก 8.6% ในเดือนมิถุนายนเล็กน้อย

โดยนักเศรษฐศาสตร์จาก JPMorgan ระบุว่า แม้ว่าปัจจุบันเงินเฟ้อโลกจะเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลงจากราคาอาหารและสินค้าโภคภัณฑ์ที่เริ่มปรับลดลง แต่สถานการณ์เงินเฟ้อในยุโรปจะยังคงรุนแรงต่อไปจากปัญหาวิกฤตด้านพลังงาน

“ยุโรปต้องเผชิญกับภาวะที่ราคาพลังงานปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเรามองว่าเรื่องนี้จะเป็นปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อกำลังซื้อและอาจฉุดให้เศรษฐกิจของทั้งภูมิภาคเข้าสู่ภาวะถดถอย” รายงานของ JPMorgan ระบุ

อ้างอิง: