บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร และ อูร์ซูลา ฟอน แดร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เปิดเผยตรงกันว่า มีแนวโน้มเป็นอย่างมากที่อังกฤษจะถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยไม่มีการทำข้อตกลงการค้าร่วมกัน
ทั้งนี้อังกฤษออกจาก EU แล้วตั้งแต่เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่ยังคงเป็นสมาชิกอย่างไม่เป็นทางการของ EU ไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2020 ซึ่งจะเป็นวันสุดท้ายของช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน โดยในระหว่างนี้อังกฤษยังคงอยู่ในตลาดเดี่ยว (Single Market) และสหภาพศุลกากร (Customs Union) ของ EU
ทั้งสองฝ่ายต่างแสดงความต้องการที่จะตกลงกันให้ได้ในประเด็นด้านการค้า ซึ่งคิดเป็นมูลค่าเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี แต่การเจรจาประสบกับทางตัน ซึ่งอาจส่งผลให้อังกฤษต้องสูญเสียสิทธิในการเข้าถึงตลาดเดี่ยวขนาดใหญ่ของยุโรปแบบปลอดภาษีและปลอดโควตา หากทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถตกลงกันได้ในช่วงเวลา 3 สัปดาห์ที่เหลือ
อย่างไรก็ดี จอห์นสันกล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันศุกร์ (11 ธันวาคม) ว่า “มีความเป็นไปได้มากๆ ที่เราจะต้องไปถึงทางออกที่ผมคิดว่าจะดีเยี่ยมสำหรับสหราชอาณาจักร เราจะสามารถทำอะไรก็ได้ที่เราต้องการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมเป็นต้นไป”
“พวกเขาบอกว่ามีข้อเสนอใหญ่ การเปลี่ยนแปลงใหญ่ แต่ผมต้องบอกว่าผมยังไม่เห็นข้อเสนอนั้น” นายกรัฐมนตรีอังกฤษกล่าว โดยจอห์นสันเป็นผู้สนับสนุน Brexit คนสำคัญในการลงประชามติเมื่อปี 2016
เจ้าหน้าที่รายหนึ่งเผยว่า จอห์นสันประชุมร่วมกับรัฐมนตรีอาวุโส ไมเคิล โกฟ และเจ้าหน้าที่อีกหลายราย เพื่อประเมินความพร้อมของสหราชอาณาจักรในการออกจาก EU แบบไม่มีข้อตกลง
ด้าน อูร์ซูลา ฟอน แดร์ เลเยน ประธาน EC กล่าวกับผู้นำ 27 ชาติสมาชิกสหภาพยุโรปที่เข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำ EU ที่กรุงบรัสเซลส์ในวันศุกร์ว่า โอกาสที่จะมีการบรรลุข้อตกลงกันได้นั้นริบหรี่ลง
“ความเป็นไปได้ที่ไม่มีข้อตกลงนั้นสูงกว่ามีข้อตกลง” อูร์ซูลา ฟอน แดร์ เลเยน กล่าว
จอห์นสันและฟอน แดร์ เลเยน ได้ขีดเส้นตายจนถึงเย็นวันอาทิตย์นี้ให้คณะผู้เจรจาของทั้งสองฝ่ายเร่งฝ่าทางตันเกี่ยวกับสิทธิในการทำประมง รวมถึงข้อเรียกร้องอื่นๆ ของ EU โดยสหราชอาณาจักรอาจจะต้องเผชิญผลพวงที่ตามมาหากไม่ทำตามกฎของ EU
จอห์นสันต้องตัดสินใจว่าข้อตกลงที่มีการเสนอนั้นคุ้มค่าที่จะรับหรือไม่ รวมถึงพิจารณาว่าอิสรภาพในอนาคตและผลประโยชน์ทางการเมืองในประเทศจากการออกจาก EU โดยไม่มีข้อตกลงนั้นจะคุ้มค่ากับความเสียหายทางเศรษฐกิจที่ต้องสูญเสียไปหรือไม่
โดยในขณะที่บรรดาผู้นำ EU เรียงแถวกันออกมาเตือนเกี่ยวกับความล้มเหลวในการเจรจาข้อตกลงการค้า เหล่านักลงทุนก็ได้เริ่มพากันหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงแล้ว ดังเห็นได้จากตลาดหุ้นลอนดอนที่ร่วงลง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลยูโรโซนที่ปรับตัวลดลง และเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงราว 1% เมื่อเทียบกับดอลลาร์และยูโร
นายกรัฐมนตรีจูเซปเป คอนเต้ ของอิตาลี กล่าวว่า ยังมีประเด็นพื้นฐานที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขในการเจรจาข้อตกลงการค้า
“เวลากำลังหมดลงไปทุกที และเราจำเป็นต้องเตรียมตัวสำหรับ Hard Brexit” นายกรัฐมนตรีอิตาลีกล่าว
ทั้งนี้บรรดาผู้นำ EU ปฏิเสธข้อเสนอจากจอห์นสันที่ต้องการหารือ Brexit ร่วมกับนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนี และ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ในวันจันทร์นี้
โดยจอห์นสันอยู่ภายใต้แรงกดดันจากกลุ่มผู้สนับสนุน Brexit ในประเทศไม่ให้ยอมรับข้อเรียกร้องใดๆ ของ EU โดยอ้างเหตุผลว่าจอห์นสันเคยให้คำมั่นว่าจะคืนอำนาจอธิปไตยให้กับสหราชอาณาจักร
ขณะเดียวกันมาครงเองก็เผชิญกับแรงกดดันภายในประเทศเช่นกัน โดยบรรดาชาวประมงฝรั่งเศสเรียกร้องให้มาครงสร้างความเชื่อมั่นว่า EU จะปกป้องสิทธิในการทำประมงของพวกตน
ด้านธนาคารกลางอังกฤษเปิดเผยว่า ธนาคารได้ใช้มาตรการต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าธนาคารพาณิชย์จะยังคงสามารถปล่อยเงินกู้ได้ตลอดปี 2021 ในขณะที่สหราชอาณาจักรเตรียมความพร้อมหากเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในความสัมพันธ์ทางการค้ากับ EU และต้องรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไปพร้อมกันด้วย
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: