อังกฤษประกาศแผนยุติล็อกดาวน์ป้องกันโควิด เตรียมยกเลิกบังคับสวมหน้ากากอนามัย รักษาระยะห่าง

นายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน ของสหราชอาณาจักร ประกาศแผนดำเนินการขั้นสุดท้ายเพื่อยุติมาตรการล็อกดาวน์ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งรวมถึงการยกเลิกกฎหมายบังคับสวมหน้ากากอนามัยและรักษาระยะห่างระหว่างบุคคล ตลอดจนยกเลิกข้อแนะนำให้ประชาชนทำงานจากที่บ้าน

โดยจอห์นสันตั้งเป้ายกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ต่างๆ ในวันที่ 19 กรกฎาคม ขณะที่รัฐบาลจะประกาศการตัดสินใจขั้นสุดท้ายวันที่ 12 กรกฎาคมนี้ แต่บางนโยบาย อาทิ ด้านการศึกษา และข้อกำหนดการเดินทาง จะประกาศในช่วงปลายสัปดาห์นี้

สำหรับรายละเอียดแผนดำเนินการยุติล็อกดาวน์ของอังกฤษ มีดังนี้

ยกเลิกบังคับสวมหน้ากากอนามัย โดยรัฐบาลจะยังคงมีข้อแนะนำในการสวมหน้ากากอนามัยสำหรับบางสถานที่ แต่ไม่บังคับ ขณะที่ผู้ให้บริการระบบขนส่งสาธารณะ ยังสามารถเลือกได้ว่าจะบังคับให้มีการสวมหน้ากากอนามัยต่อไปหรือไม่

ผ่อนคลายการรักษาระยะห่าง โดยยกเลิกกฎรักษาระยะห่างระหว่างบุคคล 1 เมตร ขณะที่ประชาชนสามารถพบปะและรวมกลุ่มกันได้โดยไม่มีการจำกัดจำนวนหรือสถานที่ ซึ่งรวมถึงในงานแต่งงาน พิธีศพ และงานอีเวนต์ต่างๆ รวมทั้งในสถานดูแลผู้สูงอายุ แม้จะยังมีมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่เชื้ออยู่

ยกเลิกมาตรการจำกัดจำนวนคนในสถานที่ต่างๆ และอนุญาตให้พนักงานบริการลูกค้าที่โต๊ะได้ ขณะที่ไนต์คลับและสถานประกอบธุรกิจต่างๆ ที่ก่อนหน้านี้ถูกสั่งปิด จะสามารถกลับมาเปิดได้อีกครั้ง

รัฐบาลจะประสานงานกับผู้ประกอบการด้านคมนาคมขนส่ง เพื่ออนุญาตให้ผู้ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว สามารถเดินทางจากประเทศในกลุ่มสีอำพัน (Amber List) หรือกลุ่มเสี่ยงปานกลาง สามารถกลับอังกฤษได้โดยไม่ต้องกักตัว

ยกเลิกจำกัดจำนวนคนเข้าร่วมงานอีเวนต์ เช่น งานแข่งขันกีฬาหรือคอนเสิร์ตขนาดใหญ่

เร่งดำเนินการฉีดวัคซีนให้ประชาชน และลดระยะห่างระหว่างการฉีดวัคซีนโดสแรกและโดสที่ 2 สำหรับประชาชนอายุต่ำกว่า 40 ปี จากเดิมที่กำหนดไว้ 12 สัปดาห์ เหลือ 8 สัปดาห์

ยกเลิกข้อแนะนำให้ประชาชนทำงานจากที่บ้าน โดยอนุญาตให้นายจ้างสามารถตัดสินใจได้ว่าจะให้พนักงานกลับไปทำงานได้เมื่อไร พร้อมทั้งยกเลิกกฎระเบียบสำหรับนายจ้างในการป้องกันโควิดภายในที่ทำงาน โดยเปลี่ยนมาใช้ข้อแนะนำในการปฏิบัติตัวแทน

รัฐบาลจะเดินหน้าระบบตรวจเชื้อโควิดสำหรับผู้มีอาการต่อไป ส่วนการตรวจเชื้อฟรีสำหรับผู้ที่ไม่มีอาการจะให้บริการต่อเนื่องถึงเดือนกันยายน

คงมาตรการกักตัวสำหรับผู้มีผลตรวจเชื้อเป็นบวก หรือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ได้รับคำแนะนำตามระบบติดตามผู้สัมผัสเชื้อของรัฐบาล แต่ยกเว้นผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 โดส แม้จะมีการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ