จากกรณีที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการที่นายจ้างประกาศ ‘ปิดงานงดจ้าง’ (Lockout) นั้น พบว่าตาม พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 การปิดงานงดจ้าง มิได้เป็นการเลิกจ้างพนักงาน แต่เป็นมาตรการทางกฎหมายที่นายจ้างสามารถใช้ได้ในบางสถานการณ์ เมื่อเกิด ข้อพิพาทแรงงาน และการเจรจาระหว่างคู่กรณียุติลงโดยไม่สามารถหาข้อสรุปร่วมกันได้
ตามกฎหมายระบุว่า การปิดงานเป็นการ หยุดการทำงานของสถานประกอบการทั้งหมดหรือบางส่วน เพื่อกดดันให้การเจรจาเดินหน้าหรือยุติข้อพิพาทแรงงาน โดยก่อนการปิดงาน นายจ้างต้องผ่านกระบวนการ
1.เกิดข้อพิพาทแรงงาน
2.เจรจากับลูกจ้างหรือสหภาพแรงงานแต่ไม่เป็นผล
3.แจ้งต่อพนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานตามขั้นตอน
เมื่อถึงขั้นปิดงานแล้ว ลูกจ้างจะไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้างในระหว่างช่วงเวลานี้ เนื่องจากถือว่า ‘ไม่ได้ทำงานตามปกติ’ ตามหลักกฎหมายแรงงานสัมพันธ์
ในมุมปฏิบัติ ระยะเวลาการปิดงาน ไม่มีการกำหนดตายตัว ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่คู่พิพาทจะสามารถหาทางยุติปัญหาได้ อาจกินเวลาเพียงไม่กี่วัน หลายสัปดาห์ หรืออาจยาวนานเป็นเดือน หากยังอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายที่อนุญาต
อธิบายแบบภาษาทั่งวไปคือ เมื่อฝ่ายลูกจ้างใช้สิทธิทางกฎหมายในการกดดัน เช่น การนัดหยุดงาน (สไตรค์) นายจ้างเองก็มีมาตรการตามกฎหมายในการตอบโต้เช่นกัน คือการปิดงาน ซึ่งเป็นเครื่องมือทางอำนาจในการเจรจาคล้ายกัน เพียงแต่ดำเนินการภายใต้เงื่อนไขและกระบวนการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
อย่างไรก็ตามมีข้อแนะนำว่า ทั้งสองฝ่ายควรใช้ช่องทางเจรจาและไกล่เกลี่ยให้ถึงที่สุด เพื่อลดผลกระทบต่อสถานประกอบการและผู้ปฏิบัติงาน โดยเฉพาะลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการขาดรายได้ในช่วงปิดงาน


