สถานีโทรทัศน์ CNBC รายงานว่า นโยบายเพิ่มรายได้ให้กับ Twitter จากระบบการสมัครสมาชิกของ อีลอน มัสก์ รวมถึงการให้พื้นที่ในการแสดงความคิดเห็นอย่างเสรีมากขึ้น ซึ่งครอบคลุมการกู้คืนบัญชีที่ถูกแบนก่อนหน้านี้ อย่างเช่น บัญชีของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังมีความสับสนและอาจนำไปสู่ความขัดแย้งกับบริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุด 2 แห่ง ได้แก่ Apple และ Google
โดยมีการประเมินว่าแผน Twitter 2.0 จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อโครงสร้างการจัดเก็บค่าธรรมเนียมซอฟต์แวร์ใหม่ของ Apple และ Google ซึ่งเป็นค่าธรรมเนียมที่มัสก์มักบ่นอยู่เสมอที่มีโอกาส
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- อีลอน มัสก์ คุยกับพนักงาน Twitter เป็นครั้งแรกด้วยการบอกว่าบริษัทสามารถที่จะ ‘ล้มละลาย’ ได้ พร้อมกระตุ้นให้ทุกคนทำงานอย่างหนักหน่วง
- เธอคนนั้นคือฉันอีกคน! Twitter กำลังต่อสู้กับผู้แอบอ้างมากมายบนแพลตฟอร์ม หลังเปิดตัวระบบ Verified หรือติ๊กถูกแบบจ่ายเงิน
- ไม่แปลกหากแบรนด์ไม่ปลื้ม! ‘อีลอน มัสก์’ เจ้าของคนใหม่ Twitter กำลัง ‘ข่มขู่นักโฆษณา’ ที่หยุดการใช้เงิน ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าเป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดนัก
ก่อนหน้านี้ไม่นาน มัสก์ได้ทวีตข้อความแสดงความเห็นว่า ค่าธรรมเนียม App Store นั้นสูงเกิน และไม่มีใครทัดทานได้เนื่องจาก iOS และ Android ต่างเป็นระบบผูกขาดแบบ Duopoly โดยขณะนี้ทางกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กำลังเดินหน้าตรวจสอบเรื่องดังกล่าวอยู่ในเวลานี้
สิ่งที่มัสก์ร้องเรียนคือการที่ Apple และ Google ตัดเงินจากการซื้อภายในแอปมากกว่า 15-30% ซึ่งอาจกินรายได้ที่จำเป็นในการเรียกเก็บจากค่าสมัครสมาชิก Twitter Blue
วันเดียวกันมีรายงานว่า บรรดาพนักงานของบริษัทเสิร์ชเอนจินยักษ์ใหญ่ชั้นนำอย่าง Google ต่างแสดงความวิตกกังวลว่า ตนเองอาจเป็นรายต่อไปที่ถูกเลิกจ้างงาน แม้ว่าจนถึงขณะนี้ Google ถือเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่เพียงไม่กี่รายในสหรัฐฯ ที่สามารถเลี่ยงปัญหาการลดพลังงานลงไปได้
อย่างไรก็ตาม ด้วยรายได้จากการโฆษณาที่ลดลง ทำให้สถานะของ Google ไม่ได้อยู่ในจุดที่ดีกว่าบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ มากนัก ทำให้บรรดาพนักงานทั้งหลายต่างพากันหวาดวิตกมากขึ้นเรื่อยๆ
ก่อนหน้านี้ ทางทีมผู้บริหารของ Alphabet บริษัทแม่ของ Google ได้ออกมาเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการปรับ ‘โฟกัส’ ให้มีความเฉียบคม เพื่อลดต้นทุนของโครงการต่างๆ และทำให้บริษัทมีประสิทธิภาพมากขึ้น 20%
และเมื่อไม่นานมานี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงในด้านการทบทวนประสิทธิภาพ และพนักงานบางคนชี้ไปที่งบประมาณการเดินทางที่ลดลง และความหรูหราที่น้อยลง ซึ่งเป็นสัญญาณว่าอาจมีบางสิ่งที่ใหญ่กว่ารออยู่
ทั้งนี้ ในเดือนกรกฎาคม Sundar Pichai ซีอีโอของ Alphabet ได้เปิดตัว ‘Simplicity Sprint’ ซึ่งเป็นความพยายามที่จะเสริมประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน
ขณะที่ทาง Meta บริษัทแม่ของ Facebook และ Instagram ได้มีการแจ้งพนักงานในเดือนดังกล่าวว่าจะมีการเลิกจ้างพนักงาน 13% หรือมากกว่า 11,000 คน เนื่องจากบริษัทคำนึงถึงรายได้จากโฆษณาที่ลดลง
ส่วน SNAP เพิ่งประกาศลดพนักงานลง 20% ในเดือนสิงหาคม และ Twitter เพิ่งลดพนักงานลงครึ่งหนึ่งภายใต้การนำของเจ้าของคนใหม่
ขณะที่บริษัทอื่นๆ ในแวดวง Silicon Valley อย่าง HP ก็แง้มว่ามีแผนเลิกจ้างพนักงาน 4,000-6,000 คนในช่วง 3 ปีข้างหน้า
อ้างอิง: