ไม่มีใครเดาใจมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลกว่าในหัวของเขากำลังคิดอะไรอยู่ ครั้งนี้ก็เช่นกัน เมื่อ ‘อีลอน มัสก์’ เพิ่งออกมาประกาศผ่าน Twitter ส่วนตัวว่า จะเข้าซื้อ ‘Coca-Cola’ โดยต้องการเอา ‘โคเคน’ กลับมาเป็นส่วนผสม ซึ่งปัจจุบันเป็นสิ่งผิดกฎหมายเพราะถือเป็นยาเสพติด
“ต่อไปฉันจะซื้อ Coca-Cola เพื่อใส่โคเคนกลับเข้าไป” มัสก์กล่าวในทวีตที่เพิ่งถูกโพสต์เมื่อเวลา 07.56 น. ของวันที่ 28 เมษายน ตามเวลาของประเทศไทย ซึ่ง ณ เวลาที่เขียนนั้นมีคนรีทวีตไม่น้อยกว่ากว่า 1 แสนคน และกดไลก์ 6 แสนคน
เป็นความจริงที่ว่า Coca-Cola ในยุคแรกเริ่มนั้นมี ‘โคเคน’ เป็นส่วนผสม เนื่องจากถูกวางขายเป็นยา ไม่ใช่น้ำอัดลมที่มอบความซาบซ่าเหมือนทุกวันนี้ อีกทั้งในช่วงเวลานั้นโคเคนยังเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายอีกด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ใจกลางตลาดที่ซบเซาและผันผวน แต่หุ้นของ ‘Coca-Cola’ ยังมั่นคงเหมือนอยู่ในสวรรค์
- มาร์เก็ตแคปหุ้น Tesla สูญกว่า 4.3 ล้านล้านบาทใน 1 วัน หลังนักลงทุนกังวล ‘อีลอน มัสก์’ อาจขายหุ้นเพื่อนำเงินเข้าซื้อ Twitter
- 4 แนวทางการเปลี่ยนแปลงที่อาจได้เห็นใน Twitter หลัง ‘อีลอน มัสก์’ เข้าซื้อนกฟ้ามาอยู่ในกรงของตัวเอง
โฆษกของ Coca-Cola เคยให้สัมภาษณ์ The New York Times ในปี 1988 ว่าสูตรดั้งเดิมที่ผลิตในปี 1886 มีโคเคนผสมอยู่ด้วย ก่อนจะถูกนำออกจากในช่วงศตวรรษต่อมา
ในการตอบสนองต่อคำร้องขอความคิดเห็นของ USA TODAY แอน มัวร์ โฆษกของ Coca-Cola กล่าวว่าเครื่องดื่ม “ไม่มีโคเคนหรือสารอันตรายอื่นๆ และโคเคนไม่เคยเป็นส่วนผสมเพิ่มเติมใน Coca-Cola”
อย่างไรก็ตาม Coca-Cola เพิ่งถูกมองว่าเป็นหุ้น ‘หลบภัย’ ของบรรดานักลงทุนจากภาวะเงินเฟ้อ การระบาดของโควิด อัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และความผันผวนของหุ้น แต่กระนั้นผู้บริโภคยังยินดีจ่ายเพื่อความสุขในรูปแบบน้ำหวานๆ ซ่าๆ อย่าง Coca-Cola
Coca-Cola เพิ่งรายงานผลประกอบการและยอดขายไตรมาสแรกซึ่งอยู่เหนือความคาดหมายของนักวิเคราะห์เป็นอย่างมาก โดยยอดขายเพิ่มขึ้น 16% เป็น 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3.4 แสนล้านบาท สูงกว่าที่ Wall Street คาดการณ์ไว้ที่ 9.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่มีกำไร 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 64 เซนต์ต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 24% จากปีที่แล้ว
นักลงทุนต่างแห่ไปซื้อหุ้นของบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคอย่าง Coca-Cola เพราะพวกเขาเชื่อมั่นในเสถียรภาพในการหารายได้ท่ามกลางความวุ่นวายทางการเมือง มีความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อ โดย Coca-Cola ยังจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอซึ่งให้ผลตอบแทนเกือบ 3%
โดย Berkshire Hathaway ของมหาเศรษฐีนักลงทุนอย่าง ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’ ถือเป็นแฟนตัวยงของ Coca-Cola โดยเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ด้วยสัดส่วนที่มากกว่า 9% ซึ่งหลายบอกบอกว่า Coca-Cola นี่แหละที่เป็นหุ้นยอดรักของปู่บัฟเฟตต์
ขณะที่ในปัจจุบันหุ้น Coca-Cola เพิ่มขึ้น 11% ในปี 2022 ทำให้เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มีผลงานดีขึ้นในดัชนีดาวโจนส์ซึ่งร่วงลง 7% ในปีนี้ โดยราคา ณ วันปิดตลาด 27 เมษายน อยู่ที่ 65.56 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 0.78% ส่วนมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 2.842 แสนล้านดอลลาร์ หรือราว 9.8 ล้านล้านบาท
อย่างไรก็ตามไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่ามัสก์จะเข้าซื้อจริงๆ หรือไม่ หรืออาจจะกลัวว่าทรัพย์สินที่มีอยู่ไม่น้อยกว่า 9 ล้านล้านบาทอยู่เฉยๆ แล้วจะ ‘บูด’
ก่อนหน้านี้มัสก์เข้าเพิ่งจับ Twitter เข้ากรงส่วนด้วยมูลค่า 1.5 ล้านล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้ทำให้มาร์เก็ตแคปของ Tesla สูญกว่า 4.3 ล้านล้านบาทใน 1 วัน หลังนักลงทุนกังวล ‘อีลอน มัสก์’ อาจขายหุ้นเพื่อนำเงินเข้าซื้อ Twitter
ภาพ: Maja Hitij / Getty Images
อ้างอิง: