‘นี่เป็นเพียงละครฉากหนึ่ง’ นักวิเคราะห์มองมีโอกาส 90% ที่ดีลเข้าซื้อ Twitter ของ อีลอน มัสก์ จะ ‘ล่ม’

ในขณะที่ อีลอน มัสก์ แสวงหาความเป็นเจ้าของ Twitter แต่ในทางกลับกัน หุ้นของยักษ์โซเชียลมีเดียก็ดิ่งลงเรื่อยๆ บ่งบอกถึงความกังวลในหมู่นักลงทุนว่าข้อตกลงจะไปไม่ถึง ‘เส้นชัย’

หุ้นของ Twitter ร่วงลงเกือบ 13% ตั้งแต่แตะระดับสูงสุดของปีในปลายเดือนเมษายน เมื่อปิดตลาดในวันที่ 12 พฤษภาคม หุ้นซื้อขายที่ 45.08 ดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่า 54.20 ดอลลาร์ ที่มัสก์เสนอจะเข้าซื้อ ส่วนต่างนี้มีมูลค่ากว่า 9 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 3.13 แสนล้านบาท

ขณะที่เมื่อวานนี้ (13 พฤษภาคม) มัสก์ได้ประกาศ ’ชะลอ’ การใช้เงิน 1.5 ล้านล้านบาทเข้าซื้อ Twitter โดยให้เหตุผลว่า ต้องการตรวจสอบบัญชีสแปมก่อน หลังจาก Twitter อ้างมีสัดส่วนที่ต่ำกว่า 5% ของผู้ใช้ที่ใช้งานรายวันในช่วงไตรมาสนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แม้มัสก์จะทวีตย้ำอีกครั้งว่า ‘เขายังคงมุ่งมั่นที่จะซื้อกิจการ’ ต่อไป แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นมากนัก เพราะหุ้น Twitter ได้ดิ่งลงมากกว่า 8% และลดลงประมาณ 23% จากราคาซื้อที่ได้ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้

นักวิเคราะห์จาก Evercore ISI ให้มุมมองว่า ตลาดและนักลงทุนมีความกังวลเรื่องดีลดังกล่าวจะมีปัญหาด้านกฎระเบียบหรือไม่ เนื่องจากคณะกรรมาธิการการค้าแห่งสหพันธรัฐกำลังตรวจสอบระยะเวลาเปิดเผยมูลในการถือหุ้นของมัสก์ ซึ่งเขาได้รายงานช้ากว่าที่กำหนด

ด้าน Bloomberg รายงานว่า คณะกรรมาธิการยังได้เข้าตรวจสอบการเข้าซื้อกิจการ แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญหลายคนไม่คาดหวังว่าข้อตกลงดังกล่าวจะทำให้เกิดความกังวลเรื่องการต่อต้านการผูกขาด

แดน อีฟส์ นักวิเคราะห์จาก Wedbush Securities ประเมินว่ามีโอกาส 90% หรือมากกว่าที่ดีลดังกล่าวจะล่มลง ขณะเดียวกันเขาก็กล่าวว่า “นี่เป็นเพียงละครฉากหนึ่ง ยังมีอีกหลายตอนที่ต้องติดตามกันต่อไป”

อย่างไรก็ตาม หากดีลล่มลงจริงๆ ฝ่ายที่ผิดสัญญาก่อนจะต้องจ่ายค่ายกเลิกดีลกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 3.5 หมื่นล้านบาท

นักวิเคราะห์ของ Bernstein ได้มองเบื้องหลังของการที่มัสก์ออกมาชะลอซื้อกิจการอาจเป็น ‘กลยุทธ์การเจรจาของมัสก์’ ที่อาจต้องการให้ Twitter ลดราคาขายลง

รายงานของ CNBC ระบุว่า ถึงมัสก์จะย้ำถึงแผนเดินหน้าซื้อกิจการ แต่เขาอาจต้องยอมล้มดีลนี้เพราะหุ้นของ Tesla ลดลงประมาณ 24% ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ซึ่งมัสก์เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการเข้าซื้อกิจการ Twitter ของเขา

เช่นเดียวกับ Tiffany และ LVMH ซึ่งเป็นมหากาพย์ก่อนที่จะตกลงซื้อกันในที่สุด Twitter อาจไม่มีทางเลือกที่ดีมากมายนอกเหนือจากการเจรจาใหม่กับมัสก์ เพื่อหลีกเลี่ยงการฟ้องร้องที่ยืดเยื้อซึ่งมีราคาแพง ซึ่งอาจส่งผลถึงการดำเนินงานด้วยเหล่าพนักงานอาจลาออก ด้วย Twitter ไม่มีแผนในอนาคตที่ชัดเจน

เมื่อ Twitter ตกลงขายตัวเองให้กับมัสก์ในราคา 54.20 ดอลลาร์ บอร์ดของ Twitter ก็ไม่สนใจที่จะดันราคาให้สูงขึ้น ส่วนหนึ่งเพราะว่าไม่มีผู้ซื้อรายอื่นที่สนใจในราคานั้น แต่ด้วยราคาหุ้นที่ดิ่งลงเรื่อยๆ ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของ Twitter ในเวลานี้อาจเป็นการยอมรับข้อเสนอที่ต่ำกว่าจากมัสก์

อ้างอิง: