การแถลงผลประกอบการประจำไตรมาส 3 ‘อีลอน มัสก์’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Tesla ได้เอ่ยต่อหน้านักลงทุนว่า ในวันหนึ่ง Tesla จะมีมาร์ตเก็ตแคปที่ใหญ่กว่า Apple แต่นักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทได้เตือน ‘เรื่องนี้ต้องใช้เวลา’
“ผมมีความเห็นว่าเราสามารถเหนือกว่า Apple ได้ในแง่ของมาร์เก็ตแคป อันที่จริงผมเห็นเส้นทางที่เป็นไปได้สำหรับ Tesla ที่จะมีมูลค่ามากกว่า Apple และ Saudi Aramco รวมกัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันจะเกิดขึ้นหรือจะเป็นเรื่องง่าย” มัสก์กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘อีลอน มัสก์’ บอกว่า มีความเป็นไปได้ที่ Tesla จะมีมาร์เก็ตแคปใหญ่กว่า Apple พร้อมชี้ถึงการซื้อรถยนต์เบนซินคันใหม่เป็นเรื่องไม่สมควร ด้วยโลกกำลังมุ่งสู่ EV
- หุ้น Tesla ดิ่ง 50% จากราคาสูงสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว หลังปัจจัยเสี่ยงเชิงเศรษฐกิจรุมเร้า-ผู้นำฉุดเชื่อมั่น
- ‘อีลอน มัสก์’ วางแผนจะหั่นพนักงาน Twitter ออก 75% เพื่อ ‘ลดต้นทุน’ แต่นักวิเคราะห์ชี้ถึงผลกระทบร้ายแรงจากการทำให้ผู้ใช้เสี่ยง ‘ถูกแฮ็ก’ มากขึ้น
รายงานจาก Bloomberg ระบุว่า ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ไม่ค่อยสดใสเท่าไรนัก แม้ตัวเลขจะเพิ่มขึ้น แต่นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2021 ที่ Tesla ทำผลงานพลาดเป้า
แม้มัสก์จะย้ำว่า โรงงานต่างๆ กำลังผลิตด้วยความเร็วเต็มที่ โดยจะส่งมอบรถยนต์ทุกคันที่ผลิตขึ้น และรักษาอัตรากำไรจากการดำเนินงานให้แข็งแกร่ง ซึ่ง Tesla ยังคง “ตั้งตารอที่จะทำลายสถิติในไตรมาสที่ 4” แต่เขาก็ยอมรับเช่นเดียวกันว่า การจะทำผลงานได้ตามเป้านั้นเป็นเรื่องที่ ‘ยากกว่าที่เคยเป็นมาเล็กน้อย’ เนื่องจากความท้าทายในตลาดจีนและยุโรป
โดยจีนกำลังประสบกับภาวะถดถอย ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ส่วนยุโรปก็มีภาวะถดถอยอันเกิดขึ้นจากวิกฤตพลังงาน
ผลลัพธ์และท่าทีที่ระมัดระวังทำให้นักวิเคราะห์ต่างลดราคาเป้าหมาย Tesla ตามการรวบรวมข้อมูลของ Bloomberg ระบุว่า เป้าหมายราคาเฉลี่ยของ Tesla อยู่ที่ 293 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งสูงกว่าราคาหุ้นในวันที่ 20 ตุลาคม ถึง 40% โดยราคาหุ้นของ Tesla ปิดอยู่ที่ 207.28 ดอลลาร์ ลดลง 6.7%
“เรายังคงระมัดระวังในการประเมินมูลค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของการคาดการณ์การเติบโตของการส่งมอบรถที่สูง และยังคงเห็นความเสี่ยงด้านลบที่เป็นสาระสำคัญต่อเป้าหมายราคา” ไรอัล ลินซ์แมน นักวิเคราะห์ของ J.P. Morgan เขียนไว้ในหมายเหตุ
ดูเหมือนว่าเป้าหมายของมัสก์ยังอยู่ห่างไกล เพราะแม้ Tesla จะเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก แต่มีมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ราว 6.5 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่ Apple มีตัวเลขอยู่ที่ 2.3 ล้านล้านดอลลาร์ ในขณะที่ Saudi Aramco มีมูลค่า 2.1 ล้านล้านดอลลาร์
เนื่องจากผู้บริโภคในสหรัฐฯ ต้องเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อที่สูงและอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว นักลงทุนจึงจับตาดูความต้องการสินค้าที่ต้องใช้เวลาในการพิจารณาซื้ออย่างรอบคอบดังเช่นรถยนต์ ซึ่ง Tesla การส่งมอบในไตรมาสที่ 3 ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ นักวิเคราะห์และนักลงทุนต่างจับตามองสัญญาณของอุปสงค์ที่ลดลง
ความเสี่ยงดังกล่าวส่งผลโดยตรงต่อ Tesla เนื่องจากการประเมินมูลค่าขึ้นอยู่กับศักยภาพในการเติบโตในอนาคต โดย Tesla นั้นยังมีความเสี่ยงจากความวุ่นวายทางเศรษฐกิจทั่วโลก ปัญหาห่วงโซ่อุปทานและโลจิสติกส์ที่ต่อเนื่อง และราคาวัตถุดิบที่สูง
“ในขณะที่ Tesla ต้องเผชิญกับความท้าทาย แต่เราเชื่อว่าการเติบโตและอัตรากำไรอาจมีความยืดหยุ่นมากกว่าอุตสาหกรรมที่เหลือในภาวะถดถอยทั่วโลก” เอ็มมานูเอล รอสเนอร์ นักวิเคราะห์ของ Deutsche Bank กล่าว ในขณะที่เขาจะลดราคาเป้าหมายของหุ้นลงเหลือราว 355-390 ดอลลาร์
ภาพ: John Shearer / Getty Images
อ้างอิง: