มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลกในปัจจุบัน ผู้เป็นเจ้าของบริษัทที่ขับเคลื่อนนวัตกรรมมากมายอย่าง Elon Musk เคยเป็นหนึ่งในผู้ที่ออกมาเตือนถึงภัยคุกคามจากปัญญาประดิษฐ์ (AI) ขั้นรุนแรงมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว แต่ทว่าเมื่อเร็วๆ นี้ Musk กลับฉายภาพอีกมุมของโลกอนาคตว่า ‘เราจะอยู่ในยุคแห่งความอุดมสมบูรณ์’ เมื่อ AI เข้ามาแทนที่งานของมนุษย์
อะไรทำให้ Elon Musk เปลี่ยนมุมมองจากเชิงลบเป็นบวกเช่นนั้น?
บางคนมองว่าส่วนหนึ่งที่ Musk กลับลำแบบนี้เพราะบริษัท Tesla ของตนกำลังพัฒนาหุ่นยนต์ที่มีชื่อว่า Optimus ซึ่งสามารถทำหน้าที่ได้หลากหลาย ตั้งแต่เป็นผู้ช่วยส่วนตัวไปจนถึงพนักงานโรงงาน และเขาเองก็ยังเป็นผู้ก่อตั้ง xAI บริษัทสตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์ที่ต้องการพัฒนาเทคโนโลยีนี้ให้ไปสู่ ‘Superhuman’ หมายความว่ามุมมองของ Musk ไม่เพียงแต่จะสะท้อนประโยชน์และความเป็นไปได้ต่างๆ ที่ AI จะสร้างให้กับโลก แต่มันยังตรงกับทิศทางของบริษัทที่เขาเป็นเจ้าของอีกด้วย
“การผนวกรวมของปัญญาประดิษฐ์กับหุ่นยนต์จะช่วยให้สินค้าและบริการในอนาคตมีราคาต่ำจนแทบจะฟรีเลย” คนทำงานหลายคนในหลายอุตสาหกรรมอาจจะเคยได้ยินเรื่องการถูก AI เข้ามาแทนที่ แต่ Musk คิดว่าการถูกแทนที่ไม่ใช่ปัญหา เพราะหุ่นยนต์จะมาแทนที่งานที่น่าเบื่อ จำเจ และอันตราย
Musk ต้องการสร้างหุ่นยนต์ของเขาเพื่อแก้ปัญหาแรงงานขาดแคลนที่จะเป็นปัญหาในอนาคต เนื่องจากอัตราการเกิดที่น้อยลงเรื่อยๆ “เรากำลังอยู่ในภาวะขาดแคลนแรงงานอย่างมากในปัจจุบัน และมันจะเป็นเช่นเดียวกันในอนาคตแม้ว่าเราจะมีหุ่นยนต์แล้วก็ตาม” เขากล่าว
ทางด้านของ Vinod Khosla นักลงทุน VC สายเทคชื่อดัง ก็เชื่อว่า ‘ความจำเป็นที่เราจะต้องทำงาน’ จะหายไปในอีก 25 ปี สำหรับประเทศที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีนี้ ซึ่งมันทำให้เขาเห็นว่าสวัสดิการรายได้พื้นฐานถ้วนหน้า (Universal Basic Income) เป็นสิ่งที่จะช่วยให้ผู้คนมีความเป็นอยู่ที่ได้มาตรฐาน และสามารถทำในสิ่งที่ตนเองปรารถนาได้อย่างอิสระมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในโลกของ Musk เขากลับมองว่าเราจะไม่มีสวัสดิการรายได้พื้นฐานถ้วนหน้า แต่จะมีรายได้สูงถ้วนหน้าแทน เพราะหลายอย่างสามารถถูกผลิตขึ้นได้ในสเกลมหาศาล เว้นแต่สินค้าบางประเภทอย่างงานศิลปะและอสังหาริมทรัพย์ แต่ที่สำคัญคือเขาเชื่อมั่นว่าทุกคนจะเข้าถึงเทคโนโลยีนี้ได้ในอนาคต
เมื่อถึงเวลาที่โลกอนาคตพึ่งพาหุ่นยนต์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมากขึ้น ระบบเศรษฐกิจที่เราเคยรู้จักจะกลายเป็นเพียงความเข้าใจที่ถูกทิ้งไว้ในอดีต
“ระบบเศรษฐกิจคืออะไร? ในปัจจุบันระบบเศรษฐกิจคือผลผลิตของประชากรแต่ละบุคคลคูณกับจำนวนประชากรทั้งหมด แต่เราลองจินตนาการดูว่าถ้าต่อไปเราไม่มีข้อจำกัดนั้นแล้วล่ะ ความหมายของระบบเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรเมื่อบทบาทของหุ่นยนต์เข้ามาปลดล็อกความเป็นไปได้ใหม่ๆ อย่างไม่มีขีดจำกัด” Musk กล่าว
คนในแวดวงธุรกิจสายเทคจะคุ้นเคยกันดีว่าน้อยคนที่จะมีความ ‘คลั่งงาน’ เทียบเท่าหรือมากไปกว่า Musk โดยเขาทำงานกว่า 80-100 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
ถึงแม้ว่า Musk จะมองอนาคตว่า ‘สุดท้าย AI จะสามารถทำงานแทนหลายๆ งานอย่างในปัจจุบันได้อยู่ดี’ จนบางครั้งมันทำให้เขาเกิดคำถามกับตัวเองว่า งานของเขาที่ต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อ น้ำตา และเวลาที่ต้องสละจากการอยู่กับคนรัก มันคุ้มค่าจริงหรือไม่ ในเมื่อหุ่นยนต์ก็จะทำแทนเขาอยู่ดีในอนาคต แต่เขาก็ตั้งใจเลือกที่จะไม่คิดถึงการถูกแทนที่ในอนาคตเพื่อให้ตัวเองมี ‘แรงผลักดัน’ ในการทำงานต่อไป
ภาพ: Chesnot / Getty Images
อ้างอิง:
