อีลอน มัสก์ ซีอีโอแพลตฟอร์ม X วิจารณ์รัฐบาลออสเตรเลียด้วยถ้อยคำรุนแรงว่าฟาสซิสต์ ซึ่งหมายถึงกลุ่มคนที่มีแนวคิดเผด็จการและไม่ยอมให้คิดต่าง โดยต้นตอทั้งหมดเกิดหลังรัฐบาลเสนอร่างกฎหมายจัดการข้อมูลเท็จบนโลกโซเชียล หากทำไม่ได้ต้องถูกปรับสูงถึง 5%
ภายใต้ร่างกฎหมายดังกล่าวอนุญาตให้รัฐบาลออสเตรเลียปรับเงินบริษัทโซเชียลมีเดียได้สูงสุด 5% ของรายได้ทั่วโลก หากไม่สามารถป้องกันการแพร่กระจายของข้อมูลที่เป็นเท็จได้ เรียกได้ว่ามาตรการนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามควบคุมบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่มีการสื่อสารกันอย่างไร้พรมแดน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
สำหรับร่างกฎหมายจะกำหนดให้แพลตฟอร์มต่างๆ สร้างรหัส เพื่อหยุดการแพร่กระจายของข้อมูลเท็จที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ โดยจะต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล ซึ่งหากแพลตฟอร์มไหนไม่สามารถปฏิบัติตาม หน่วยงานกำกับดูแลจะตั้งมาตรฐานของตัวเองและปรับบริษัทที่ไม่ปฏิบัติตามได้
ทั้งนี้ กฎหมายจะสร้างข้อยกเว้นให้กับข่าวที่ผลิตจากมืออาชีพ ตามด้วยเนื้อหาที่ถือว่าเป็นการเสียดสี รวมถึงการเผยแพร่เนื้อหาเพื่อวัตถุประสงค์ทางวิชาการ ศิลปะ วิทยาศาสตร์ และศาสนา
แต่ในมุมของมัสก์ไม่เห็นด้วยกับมาตรการนี้ และยังมองว่าเข้มงวดมากเกินไป เนื่องจากการควบคุมหรือการจัดการกับคำพูดอย่างเข้มงวดอาจนำไปสู่การละเมิดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นส่วนบุคคล
หากย้อนไปในเดือนเมษายนที่ผ่านมา มัสก์มีความขัดแย้งกับรัฐบาลออสเตรเลีย ในกรณีที่แพลตฟอร์ม X ยื่นฟ้องศาลเพื่อต่อสู้กับคำสั่งของหน่วยงานกำกับดูแลไซเบอร์ของออสเตรเลีย ที่สั่งให้ลบโพสต์บางส่วนเกี่ยวกับเหตุการณ์วัยรุ่นก่อการร้ายแทงบาทหลวงในโบสถ์แห่งหนึ่งในซิดนีย์ ซึ่งช่วงนั้น แอนโทนี อัลบาเนซี นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย เรียกมัสก์ว่าตัวเขาเป็นมหาเศรษฐีที่หยิ่งยโส
ล่าสุด สตีเฟน โจนส์ นักการเมืองชาวออสเตรเลีย ออกแถลงการณ์ว่า กฎหมายจัดการปัญหาข้อมูลเท็จบนโลกโซเชียลมีเดียเป็นอำนาจอธิปไตย และไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลออสเตรเลียหรือรัฐบาลอื่นๆ ทั่วโลก
“เราขอยืนยันในสิทธิของเราที่จะออกกฎหมายเพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับชาวออสเตรเลีย และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียไม่ควรเผยแพร่เนื้อหาหลอกลวงและถ่ายทอดสดความรุนแรง แม้จะบอกว่าอยู่บนพื้นฐานเสรีภาพในการพูดก็ตาม”
ด้าน มิเชล โรแลนด์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการสื่อสาร กล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (12 กันยายน) ว่า ข้อมูลที่เป็นเท็จถือเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงต่อความปลอดภัยและความเป็นอยู่ที่ดีของชาวออสเตรเลีย รวมถึงประชาธิปไตย สังคม และเศรษฐกิจในประเทศ เราไม่สามารถมองข้ามปัญหาเหล่านี้ได้ และจะรีบจัดการให้เร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม กฎหมายดังกล่าวแสดงถึงปัญหาที่รัฐบาลออสเตรเลียต้องการปกป้องเยาวชนจากเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม แต่อีกด้านหนึ่งก็มีความกังวลถึงสิ่งที่รัฐบาลทำที่อาจมองได้ว่าเป็นการจำกัดความคิดของประชาชน ซึ่งก็ต้องจับตาดูกันต่อไปว่า สุดท้ายร่างกฎหมายนี้จะถูกบังคับใช้เร็วๆ นี้หรือไม่
อ้างอิง: