วันนี้ (5 กุมภาพันธ์) ช่างภาพข่าว THE STANDARD ลงพื้นที่ย่านการค้าโบ๊เบ๊ ทาวเวอร์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร เพื่อสำรวจธุรกิจร้านค้า ‘กางเกงช้าง’ กางเกงลำลองซึ่งเป็นที่นิยมทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติจนเรียกได้ว่าเป็น Soft Power ของไทย ที่วันนี้มีประเด็นเรื่องการผลิตและจัดจำหน่ายโดยเอกชนรายใหญ่ของประเทศจีน
ช่างภาพพบว่าแทบทุกซอกซอยของตลาดมีการวางจำหน่ายกางเกงช้างทั้งแบบส่งและแบบปลีก โดยลูกจ้างของร้านแห่งหนึ่งให้ข้อมูลว่าโบ๊เบ๊ตอนนี้นิยมขายกางเกงช้างมาก มีทั้ง Made in Thailand และ Made in China
“กางเกงช้างของไทยจะมีลายที่ละเอียดสวยงามมากกว่าของที่มาจากประเทศจีน แต่ราคาขายของจีนถูกกว่าไทยอยู่ที่ตัวละ 5 บาท”
ข้อแตกต่างอีกหนึ่งเรื่องคือวัสดุผ้า ถ้าของประเทศไทยจะใช้ผ้าเรยอนซึ่งมันเงาคล้ายใยไหม ทนทาน สวมใส่สบาย เหมาะกับอากาศเมืองไทย แต่ของจีนจะใช้ผ้าที่เรียกว่าผ้าเกาหลี ซึ่งใส่ไม่สบายเท่ากับของไทย วันนี้นอกจากกางเกงช้างที่จีนทำแล้ว กางเกงแมวก็ทยอยเข้าตลาดอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ผู้ค้ารายย่อยที่มาซื้อกางเกงช้างไปขายต่อที่ตลาดโชคชัย 4 ให้ข้อมูลว่า กางเกงช้างของไทยช้างจะยืนเรียงกันแถวตรงสง่างาม แต่ถ้าของจีนช้างจะหัวคว่ำหัวตั้งสลับกันไป
ส่วนมากผู้ที่มีอายุมากเวลาเลือกซื้อจะใส่ใจเรื่องลาย แต่วัยรุ่นจะไม่ได้มองถึงรายละเอียด แม้งานจีนผ้านิ่มกว่าแต่ลายไม่สวยเท่าของไทย ขณะที่ลูกค้าต่างชาติส่วนมากจะเจาะจงซื้อของไทยโดยเฉพาะ
ช่างภาพข่าวยังได้พูดคุยกับอีกหนึ่งร้านค้าที่ขายกางเกงช้าง ระบุว่า เรื่องลิขสิทธิ์ที่ผ่านมาไทยเราหละหลวมมานานแล้ว แต่เราคนขายเองต้องยึดหลักว่าอะไรที่เป็นของไทยที่เราทำถึงขายแล้วถึงกำไรจะน้อยแต่ก็ต้องสู้
เราอยากให้คนไทยมีงานทำ งานของเราสวย มีคุณภาพ กางเกงช้างไทยสังเกตได้เลยว่าช้างจะตรงกันทั้งสองข้าง ช้างจะวิ่งตามกัน ชาวต่างชาติเขาจริงจังเรื่องนี้มาก เขาจะซื้อเฉพาะ Made in Thailand แต่คนไทยจริงๆ กลับไปซื้อ Made in China
ด้าน ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีนี้ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ทราบภายหลังจากที่ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน และตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการไปยังกรมทรัพย์สินทางปัญญา ให้ออกไปดำเนินการและตรวจสอบ ไปบุกดูตลาดว่ามีมากน้อยแค่ไหน และได้ประสานงานไปยังกรมศุลกากร
ซึ่งตอนนี้ชัดเจนว่ากางเกงลายช้างหรือกางเกงลายแมวมีการจดลิขสิทธิ์เป็นทรัพย์สินทางปัญญาอยู่แล้ว แต่ว่ารูปแบบลักษณะที่มีการผลิตจากจีนอาจจะมีการผิดเพี้ยนและมีรูปแบบที่แตกต่างกัน ซึ่งต้องไปดูก่อนว่ากฎหมายนั้นจะครอบคลุมได้แค่ไหน
ฉะนั้นจากนี้จึงต้องพูดคุยกับกรมศุลกากรที่มีอำนาจในการที่จะสามารถยับยั้งสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งตอนนี้ได้สั่งให้ทุกด่านตรวจศุลกากรให้ควบคุมสินค้าตัวนี้ ส่วนทางกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้ประสานงานเรื่องของการควบคุมคุณภาพสินค้า ซึ่งอาจจะให้มีการออกสัญลักษณ์หรือโลโก้ประทับ เพื่อให้บ่งบอกว่าสินค้าตัวนี้เป็นสินค้าของประเทศไทย เพื่อจะได้ช่วยเหลือสินค้าของคนไทย
ภูมิธรรมกล่าวต่อว่า สินค้าที่เข้ามาถ้าหากเปรียบเทียบของที่คนไทยผลิตเองมีคุณภาพที่ห่างกันลิบลับ และสินค้าของไทยมีคุณภาพที่ดีกว่า ส่วนสินค้าที่มาในราคาที่ถูกมากอาจจะมีคุณภาพที่ไม่ได้มาตรฐาน เช่น ใส่ไปแล้วสักพักก็อาจจะเป้าขาดได้
“หากจะระงับยับยั้งสินค้าเราจะระงับยับยั้งสินค้าที่มาจากนอกประเทศ แต่เราต้องคำนึงถึงสินค้าตราช้างหรือตราแมวที่เป็นของคนไทย ดังนั้นหากจะออกกฎเกณฑ์อะไรต้องคำนึงถึงทั้งสองด้าน” ภูมิธรรมกล่าว