วันนี้ (27 กันยายน) อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรี เห็นชอบขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 – เมษายน 2566 (7 เดือน) โดยใช้งบประมาณจากกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม จํานวน 1,933.05 ล้านบาท แบ่งเป็นสนับสนุนค่าไฟฟ้า จํานวน 1,786.05 ล้านบาท ช่วยเหลือประมาณ 810,000 ครัวเรือน และงบประมาณสนับสนุนค่าน้ําประปา จํานวน 147 ล้านบาท ช่วยเหลือประมาณ 210,000 ครัวเรือน
ทั้งนี้ มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา มีรายละเอียดดังนี้
ค่าไฟฟ้า
- กรณีใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วยต่อเดือน ติดต่อกัน 3 เดือน ให้ใช้สิทธิค่าไฟฟ้าฟรีตามมาตรการที่มีอยู่ในปัจจุบัน
- กรณีใช้ไฟฟ้าเกิน 50 หน่วยต่อเดือน ให้ใช้สิทธิตามมาตรการน้ี ในวงเงิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน
- กรณีที่ใช้เกินวงเงินที่กําหนด ผู้มีสวัสดิการแห่งรัฐเป็นผู้รับภาระค่าไฟฟ้าทั้งหมด
ค่าน้ำประปา
- กรณีที่ใช้น้ําประปาไม่เกิน 315 บาท จะได้เงินสนับสนุนค่าน้ําประปาในวงเงิน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน
- กรณีที่ใช้น้ําประปาเกิน 315 บาท ผู้มีบัตรฯ จะเป็นผู้รับภาระในการชําระค่าน้ําประปาท้ังหมด
ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวข้างต้นจะสิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายน 2565 ดังนั้น มติ ครม. ในครั้งนี้จึงเป็นการขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาออกไปอีก 7 เดือน เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานให้แก่ผู้มีบัตรฯ ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง และครอบคลุมผู้มีบัตรฯ ที่จะได้รับประโยชน์จากมาตรการดังกล่าวมากขึ้น