สรกล อดุลยานนท์ หรือ หนุ่มเมืองจันท์ วิเคราะห์มุมมองหลังการเลือกตั้งในรายการพิเศษ เกาะติดเลือกตั้ง 2566 กับ THE STANDARD ว่า เหตุการณ์เลือกตั้งในครั้งนี้ คือหนึ่งปรากฏการณ์ทางการเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย โดยเฉพาะพรรคก้าวไกลที่มีคะแนนเป็นอันดับ 1 แซงหน้าพรรคเพื่อไทย ณ ขณะนี้
สรกลกล่าวว่า พรรคก้าวไกลคงมีความคิดอยู่บ้างว่าจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่คงไม่ได้เตรียมใจมากนัก ซึ่งสวนทางกับพรรคเพื่อไทยที่ผิดหวังสุดๆ กับผลการนับคะแนน
สิ่งที่น่าสนใจคือ หากก้าวไกลได้คะแนนเท่าไร ก็ย่อมส่งผลต่อสังคมไทยเปลี่ยนแปลงมากเท่านั้น ยิ่งเพื่อไทยมีกระแสการแตกหักกับคนเสื้อแดงแล้ว ก็ยิ่งเข้าทางก้าวไกลโดยทันที
สรกลยกประเด็น ‘ภาพจริงกับภาพฝัน’ ของพรรคก้าวไกลที่เคยพูดมาตลอดว่า ก็ไม่ต่างอะไรกับ สตีฟ จ็อบส์ ที่จะผลิตไอโฟน โดยช่วงแรกก็ไม่มีใครเชื่อมั่น แต่หลังจากนั้นกลับสร้างปรากฏการณ์อย่างถล่มทลาย เหมือนนักประดิษฐ์ที่พยายามเข้าใจความรู้สึกของผู้คนอย่างลึกซึ้ง
บางคนอาจมีความคิดว่า การเปลี่ยนแปลงคงเกิดขึ้นยาก เพราะผู้คนยังคุ้นชินกับภาพเดิมๆ อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งหนึ่ง ก็จะยิ่งใหญ่อย่างรุนแรงจนฉุดไม่อยู่
ดังนั้น สิ่งที่สะท้อนให้เห็นคือพลัง TikTok ที่แปรเปลี่ยนคะแนนและความตรงไปตรงมาของพรรคก้าวไกลอย่างสิ้นเชิง และสามารถเป็นข้อพิสูจน์ว่าเสียงจากสื่อสังคมออนไลน์สามารถเปลี่ยนเป็นคะแนนจริง อีกทั้งคนไทยไม่ต้องการสืบทอดอำนาจ กับการโกรธจนตัวสั่นของประชาชนต่อ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยิ่งตอกย้ำความเปลี่ยนแปลงที่ประชาชนต้องการจากพรรคก้าวไกลอย่างไม่ต้องสงสัย
ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้พรรคเพื่อไทยแพ้ สรกลมองว่าคือการประเมินตนเองต่ำเกินไป ซึ่งไม่ผิดที่พรรคจะคิดแบบนั้น โดยเฉพาะนโยบายทางเศรษฐกิจที่เพื่อไทยเชื่อมาตลอดว่าเป็นจุดขาย แต่กลับหลงลืมเรื่องอุดมการณ์ทางการเมือง ซึ่งก้าวไกลได้ชูประเด็นนี้ร่วมกับปัญหาปากท้องและเศรษฐกิจ ทำให้กระแสนิยมในช่วงแรกที่เพื่อไทยได้จากประเด็น ‘แลนด์สไลด์’ ถูกตีกลับไปที่ก้าวไกลโดยปริยาย
ทั้งนี้ พรรคก้าวไกลและเพื่อไทย ไม่มีทางเลือกอื่นไปกว่าเป็นแกนนำหลักในการจับมือเพื่อจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน เพราะถ้าจับมือเป็นแกนนำหลักกับพรรคอื่นๆ คงเผชิญกับกระแสสังคมเยอะแน่นอน
