วานนี้ (14 พฤษภาคม) เวลา 22.05 น. ณ ที่ทำการพรรคก้าวไกล สำนักงานใหญ่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงความคืบหน้าภายหลังติดตามผลการนับคะแนนมากว่า 5 ชั่วโมง
พิธากล่าวขอบคุณทุกคะแนนโหวตที่ทำให้พรรคก้าวไกลได้เข้าไปทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร และจะทำงานอย่างเต็มที่ ขอบคุณพลังศรัทธาที่ไว้วางใจและได้มอบคะแนนให้พรรคก้าวไกล ขอมอบความสำเร็จนี้ให้ประชาชนและทีมงานพรรคก้าวไกลทุกคน
สำหรับคะแนนรวมของพรรคก้าวไกลตอนนี้น่าจะทะลุ 3 หลักเกิน 100 คะแนนไปแล้ว โดยช่วงที่เว็บไซต์รายงานผลของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ล่ม ทีมงานพรรคก้าวไกลได้ใช้วิธีโทรตามผลคะแนนตามหน่วยเลือกตั้ง มั่นใจว่าชนะขาดแล้ว 72 เขต
พิธากล่าวต่อว่า ตอนนี้เริ่มมีความมั่นใจว่าเราน่าจะบรรลุเป้าหมายในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะทะลุ 3 หลัก เกิน 100 เสียงแน่นอน และมีแนวโน้มทิศทางที่ดีว่าจะทะลุไป 160 เขต
ตอนนี้ชี้ให้เห็นว่า การที่พรรคก้าวไกลจะมีโอกาสตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยแทบจะไม่มีแล้ว เพราะพรรคที่คะแนนเกิน 100 มีแต่ก้าวไกลและเพื่อไทยเท่านั้น ส่วนพรรคขั้วรัฐบาลเดิมยากที่จะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เกิน 100
พิธากล่าวย้ำว่า จุดยืนของพรรคก้าวไกลยังเหมือนเดิมในการตั้งรัฐบาลคือ มีลุงไม่มีเรา มีเราไม่มีลุง โดยจะไม่มีพลังประชารัฐและรวมไทยสร้างชาติในการร่วมรัฐบาล และจะต้องมี MOU อย่างโปร่งใสในการร่วมรัฐบาล
ทั้งนี้ ถ้าคะแนนก้าวไกลมาเป็นอันดับ 1 ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าต้องมีลุงไม่มีเรา และมาตรฐานทางการเมืองหลังจากนี้จะต้องไม่มีการแบ่งกระทรวงตามสัดส่วนเหมือนที่ผ่านมา แต่จะทำ MOU เพื่อเปิดเผยกับประชาชนให้เห็นในสิ่งที่เคยสัญญากับประชาชนไว้
สำหรับวันนี้ (15 พฤษภาคม) จะมีการประชุมกรรมการบริหารพรรค เพื่อหารือเงื่อนไขการจัดตั้งรัฐบาลและการทำ MOU ที่เคยสัญญากับประชาชนไว้ และสิ่งสำคัญคือ เมื่อเลือกมาแล้วจะเลือกใครมาเป็นนายกรัฐมนตรี จะมีการหารือในรายละเอียด ที่รับไม่ได้คือนายกฯ เหนือเมฆมา เป็นไปไม่ได้แน่นอน
พิธากล่าวว่า มีความพร้อมในการจัดตั้งรัฐบาลกับเพื่อไทย แต่ขณะนี้ยังไม่ได้คุยกับพรรคเพื่อไทย ส่วนการจับมือกับเพื่อไทย พิธาจะเป็นนายกฯ หรือไม่ อยู่ที่น้ำหนักทางการเมือง ถ้าคะแนนมาเป็นอันดับ 1 ก้าวไกลก็ต้องเป็นนายกรัฐมนตรี
ส่วนจะจับกับภูมิใจไทยได้หรือไม่นั้น พิธากล่าวว่า แค่ 2 พรรคก็ทะลุ 251 เสียงแล้ว ถ้าคะแนนเพียงพอในการร่วมพรรคฝ่ายค้านแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องมีพรรคอื่น
ทั้งนี้ คิดว่าไม่น่าจะมีอุบัติเหตุทางการเมืองแล้ว และประชาชนคงจะไม่ยอมแน่นอน ตอนนี้ไม่มีความกังวลใจอะไรแล้ว
พิธากล่าวยอมรับว่า กระทรวงกลาโหมเป็นส่วนหนึ่งในใจ แต่ไม่ใช่เรื่องของกระทรวง แต่เป็นเป้าหมายและนโยบายที่จะต้องยกเลิกเกณฑ์ทหาร แก้ไข พ.ร.บ. ถ้ามีจำนวน ส.ส. ที่เยอะมากพอ ก็คงจะสามารถทำเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยได้ จากจำนวน ส.ส. ที่มีจำนวนมากในการทำให้ไปถึงฝั่งฝัน
การจับมือกับพรรคเพื่อไทยมีการคำนึงถึงการที่ทักษิณจะกลับมาหรือไม่ พิธาตอบว่า ทักษิณก็คงจะต้องกลับมารับโทษอย่างเป็นกลางจริงๆ ส่วนจะกลับมาแล้วขัดแย้งมากขึ้นหรือไม่ มองว่า ถ้าระบบเป็นกลาง ยุติธรรม ก็น่าจะแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วย และระบบต้องยุติธรรม ไม่ทำให้คนเข้าไปติดคุกด้วย
ทั้งนี้ พิธากล่าวว่า ไม่มีอะไรจะฝากถึง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา และตอนนี้ไม่ได้คิดถึงอดีตสักเท่าไร ที่ผ่านมามีความยากลำบากในช่วงรัฐประหาร พรรคก้าวไกลก็อยู่ข้างประชาชน
“ตอนนี้พร้อมเข้าทำเนียบรัฐบาลแล้ว แต่ต้องรอจนกว่าการนับคะแนนจะเสร็จสิ้น และความพร้อมมากกว่าคือ การทำสัญญาของประชาชนให้สำเร็จ ทำอย่างไรให้เกิดผลลัพธ์ให้เร็วที่สุด” พิธากล่าว