วันนี้ (14 พฤษภาคม) ที่พรรคก้าวไกล พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า เว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (สำนักงาน กกต.) ล่ม เราใช้วิธีโทรตามเช็กแต่ละหน่วยเลือกตั้ง ตอนนี้มั่นใจว่าในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบเขต เราชนะขาดไปแล้ว 72 เขตด้วยกัน และอีก 50 เขตที่ใกล้จะนับเสร็จแล้วคะแนนนำอยู่ ฉะนั้น 70 บวก 50 เท่ากับ 120 เขต ส่วนใน ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ เชื่อว่าจะอยู่ที่ 35-40 เขต เราน่าจะบรรลุเป้าหมายในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ว่าอย่างน้อยที่สุดทะลุ 3 หลักเกิน 100 เสียงแน่นอน มีทิศทางและแนวโน้มที่ดีว่าเราจะทะลุไปถึง 160 เขต หรือมากกว่านั้น ขณะนี้กำลังตามผลคะแนนอีก 100 กว่าเขตเพื่อให้ได้ความชัดเจนมากขึ้น มั่นใจว่าในกรุงเทพมหานคร (กทม.) จะสามารถกวาดชัยชนะได้ทั้งหมด
ทั้งนี้ ขอขอบคุณทีมงานหัวคะแนนธรรมชาติและพี่น้องทุกคนที่ทำให้เราบรรลุเป้าหมายองค์กรตามที่ได้สัญญาไว้
พิธากล่าวต่อไปว่า การตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยแทบจะไม่มีเหลือแล้ว เพราะที่คะแนนเกิน 100 เสียง มีแค่พรรคเพื่อไทยและก้าวไกลเท่านั้น เชื่อว่าจะใช้เวลาอีกไม่นานจะทราบว่าใครจะเป็นอันดับ 1 และเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งจุดยืนของพรรคก้าวไกลยังเหมือนเดิม ‘มีลุงไม่มีเรา มีเราไม่มีลุง’ ไม่มีพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ อยู่ในสมการการตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกล ต่อให้ไม่มี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ และแกนนำที่มาในเวทีดีเบต ก็ปิดประตูไม่ยอมรับรัฐบาลเสียงข้างน้อย ตอนนี้ไม่มีข้อกังวลใจใดๆ
และยังไม่มีการพูดคุยกับพรรคใดทั้งสิ้น รวมถึงการโทรหา อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร และจะทำให้การร่วมรัฐบาลมีความชัดเจนโดยจัดทำ MOU ให้ประชาชนคาดหวังได้ว่า ก่อนเลือกตั้งและหลังเลือกตั้งจะยังเหมือนเดิม
“ทั้งนี้ จะเตรียมการแถลงอีกครั้งไม่คืนนี้ก็วันพรุ่งนี้ และประชุมกับคณะกรรมการพรรคก่อน” พิธากล่าว
พิธากล่าวต่อไปว่า กรณีพรรคก้าวไกลมาอันดับ 1 สิทธิย่อมเป็นของพรรค และจะหารือกับพรรคฝ่ายค้านทั้งหมด ส่วนพรรคภูมิใจไทยนั้น เชื่อว่าตอนนี้แค่ 2 พรรคคือเพื่อไทยและก้าวไกล รวมกับพรรคฝ่ายค้านในปัจจุบันอาจจะพอ และตนจะเป็นนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่ายังไม่ประกาศชัยชนะ
ส่วนที่เขตทหาร พรรคก้าวไกลชนะ ก็ต้องขอขอบคุณทหารเกณฑ์ ทหารชั้นผู้น้อย และชั้นสูงที่ให้ความไว้วางใจพรรค แม้จะถูกบิดเบือน เข้าใจว่าการที่จะให้กองทัพทันสมัย จิ๋วแต่แจ๋ว มีสิทธิมนุษยชนในกองทัพ เป็นสิ่งที่กองทัพและพรรคต้องการเช่นกัน การยกเลิกการเกณฑ์ทหารไม่สามารถทำได้ทันที ต้องมีการแก้ไขกฎหมาย ซึ่งถ้ามี ส.ส. เยอะมากพอ ไม่ว่าจะฝั่งฝ่ายค้านหรือรัฐบาลก็เชื่อว่าจะสามารถทำได้ และการแก้ไขมาตรา 112 จะต้องหารือในที่ประชุมรัฐสภา
“ทั้งนี้ ขอขอบคุณศรัทธาที่มอบคะแนนให้เราพรรคก้าวไกล ขอบคุณพลเมืองอาสาสมัครที่ดูแลการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรม ขอบคุณหัวคะแนนธรรมชาติ ยืนยันว่าเราบรรลุเป้าหมายการหาเสียงในครั้งนี้ ขอบคุณทุกคน” พิธากล่าวในที่สุด
