การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันนี้ (24 มีนาคม) มีมติเอกฉันท์ให้ ‘คง’ ดอกเบี้ยนโยบายในระดับ 0.5% เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง พร้อมกับปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้ลงเหลือ 3.0% จากเดิม 3.2% และปีหน้าปรับลดลงเหลือ 4.7% จากเดิม 4.8%
ทั้งนี้ กนง. ประเมินว่า สภาพคล่องโดยรวมอยู่ในระดับสูงและต้นทุนทางการเงินอยู่ในระดับต่ำ แต่การกระจายตัวของสภาพคล่องยังไม่ทั่วถึง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จึงได้ร่วมกับกระทรวงการคลังและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ในการออกมาตรการช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 วงเงิน 3.5 แสนล้านบาท
ส่วนความกังวลต่ออัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่อาจเร่งตัวขึ้น ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (บอนด์ยีลด์) สหรัฐฯ ขึ้นตามไปด้วย ในระยะถัดไปภาวะการเงินอาจตึงตัวขึ้นและมีความผันผวนเพิ่มขึ้นได้ แต่จะไม่รุนแรงนักเมื่อเทียบกับเหตุการณ์ Taper Tantrum ปี 2013
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ประเมินว่า หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง จนกดดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และทำให้ภาวะการเงินไทยปรับตึงตัวจนไม่สอดคล้องกับภาวะการฟื้นตัวอย่างช้าๆ ของเศรษฐกิจไทย ธปท. ก็อาจพิจารณาเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลไทยในตลาดรองเพิ่มเติม เพื่อชะลอการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในตลาดเงิน
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล