วันนี้ (4 พฤศจิกายน) ที่อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะ เดินทางติดตามระบบการบริหารจัดการน้ำของอ่างเก็บน้ำให้รองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยมี ไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ต้อนรับ โดยรับฟังบรรยายสรุปจากเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ถึงแผนพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ EEC ระหว่างปี 2563-2580 จำนวน 38 โครงการ วงเงินกว่า 5.3 หมื่นล้านบาท ดำเนินการแล้ว 19 โครงการ อยู่ระหว่างดำเนินการ 7 โครงการ ส่วนโครงการที่เหลือจะเร่งดำเนินการ โดยแผนทั้งหมดจะเร่งดำเนินการให้เสร็จภายในปี 2570
เศรษฐากล่าวถึงปัญหาความขัดแย้งในการแย่งน้ำในการเกษตรและภาคอุตสาหกรรมว่า มีอยู่แล้วในแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกันไปในแต่ละจังหวัด บางจังหวัดน้ำท่วม บางจังหวัดขาดแคลนน้ำในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งทราบกันดีอยู่แล้วว่าเรื่องน้ำมีเหตุผลในการใช้อยู่ 4 อย่างคือ อุปโภค บริโภค รักษาระบบนิเวศ และเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม รัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องน้ำที่เชื่อมต่อจากท่อส่งจ่ายทั้งหลาย เชื่อว่าศึกษามาดีแล้ว ซึ่งเรายอมรับไม่ได้ที่จะปล่อยให้มีเรื่องไม่ดีที่เกี่ยวกับการขาดแคลนน้ำเกิดขึ้น เพราะเรื่องน้ำของประชาชนต้องใช้ ภาคอุตสาหกรรมต้องใช้ อุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศ การเกษตรและอุตสาหกรรม ชลบุรีและระยองเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของประเทศ ความต้องการน้ำในเขตนี้จะมีสูงกว่าในเขตพื้นที่อื่น
เศรษฐากล่าวอีกว่า ดังนั้นฝ่ายปกครอง สทนช. กรมชลประทาน กระทรวงอุตสาหกรรม และ BOI ต้องเร่งขับเคลื่อน การมีแผนงานเป็นเรื่องดีและไม่อยากให้ล่าช้า ถ้ามีปัญหาตรงไหนรัฐบาลพร้อมบริหารจัดการ และอยากสื่อสารให้ดี รวมถึงความขัดแย้งระหว่างภาคอุตสาหกรรมกับภาคเกษตรกรรม หากมีปัญหาให้แจ้งได้เลย และอีก 60 วันจะกลับมาดูเรื่องการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งต่างๆ ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ยืนยันว่ารัฐบาลนี้จะทำงานอย่างรวดเร็ว สนองตอบความต้องการของประชาชน จะทำงานอย่างรวดเร็วฉับพลัน ตอบโจทย์กับพี่น้องประชาชนและนักลงทุนต่างชาติมากที่สุด
จากนั้นระหว่างที่นายกรัฐมนตรีและคณะรับฟังระบบท่อส่งน้ำในภาคตะวันออกของพื้นที่จังหวัดชลบุรี ระยอง และจันทบุรี รวมทั้งเยี่ยมชมสถานีสูบน้ำหนองปลาไหล ได้นำตัวแทนจากบริษัทวงษ์สยามและบริษัทอีสท์วอเตอร์มาจับมือจับกันเพื่อยืนยันถึงความร่วมมือต่อสื่อมวลชน
โดยเศรษฐากล่าวว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรามีปัญหาในการปั๊มน้ำจากแหล่งน้ำต่างๆ และเรื่องของการจัดส่งน้ำที่ภาคเอกชนอาจมีความเข้าใจผิดกันเกิดขึ้น แต่ได้แก้ไขปัญหาให้เรียบร้อยแล้ว วันนี้จึงเป็นสักขีพยานว่าได้ข้อยุติในความร่วมมือทั้งสองฝ่ายและจบลงแล้ว ทั้งสองฝ่ายยินดีที่จะทำงานร่วมมือกันเพื่อก้าวข้ามปัญหาในการขัดแย้งเรื่องน้ำ นี่ถือว่าเป็นภาพประวัติศาสตร์ระหว่างรัฐบาลและภาคเอกชน เพื่อสร้างความมั่นใจกับนักลงทุน และปัญหานี้จะไม่เกิดขึ้นอีกอนาคต
“ผมขอขอบคุณทุกท่านที่เห็นประโยชน์แก่ประเทศชาติเป็นหลัก เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ให้ลืมไป ทุกท่านมาร่วมกันช่วยพัฒนาประเทศไปข้างหน้า ผมขอขอบคุณในนามรัฐบาลไทยไว้ด้วย” เศรษฐากล่าว
