วันนี้ (16 มีนาคม) ที่อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) จัดกิจกรรมปัจฉิมนิเทศให้กับนักศึกษาทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูงที่สำเร็จการศึกษา จำนวนทั้งสิ้น 2,603 คน จากสถานศึกษาสายอาชีพในโครงการฯ จำนวน 78 แห่ง ครอบคลุม 39 จังหวัด โดยจัดพร้อมกัน 10 จังหวัด สำหรับสาขาที่จบเป็นสาขาเป้าหมายหลักในการพัฒนาประเทศ สาขาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และเทคโนโลยีดิจิทัล (STEM) เช่น ผู้ช่วยพยาบาล ผู้ช่วยทันตแพทย์ เทคโนโลยีเกษตรนวัต เมคคาทรอนิกส์และหุ่นยนต์ ช่างอากาศยาน เทคนิคระบบขนส่งทางราง เทคนิคยานยนต์ไฟฟ้า การจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ช่างไฟฟ้ากำลัง ช่างผลิตเครื่องมือและแม่พิมพ์ อาหารและโภชนาการ การจัดประชุมและนิทรรศการ
ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการ กสศ. กล่าวว่า การดำเนินงานของ กสศ. มีเป้าหมายเพื่อให้เกิดหลักประกันการเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาและการเรียนรู้เต็มตามศักยภาพ สำหรับเด็กและเยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์หรือด้อยโอกาส ให้มีโอกาสได้ศึกษาต่อระดับที่สูงกว่าการศึกษาภาคบังคับ (ม.3) เพิ่มขึ้น เพื่อโอกาสในการก้าวออกจากกับดักความยากจนข้ามรุ่น โครงการนี้ทดลองดำเนินงานมาแล้ว 6 รุ่น พบว่า การสนับสนุนทุนการศึกษาระยะสั้น เช่น หลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล ผู้ช่วยทันตแพทย์ และสาขาเป้าหมายหลักในการพัฒนาประเทศ คือรูปแบบการเรียนรู้ที่แก้ปัญหาความยากจนให้แก่เยาวชนกลุ่มนี้ได้ผลมากที่สุด เปลี่ยนชีวิต มีอาชีพ สร้างรายได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว ช่วยยกระดับทางสังคม (Social Mobility) และขจัดความยากจนข้ามชั่วคนได้ในรุ่นของตนเอง
“กสศ. ร่วมกับคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยังได้ประเมินผลตอบแทนทางเศรษฐกิจและสังคม จากการลงทุน (Social Return on Investment: SROI) ในโครงการนี้ โดยประเมินรายได้ตลอดช่วงชีวิต พบว่า ทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง โดยเฉลี่ย SROI ส่วนใหญ่อยู่ที่ประมาณ 2-4 เท่า ถือว่าเป็นการลงทุนที่มีผลตอบแทนทางสังคมที่สูงมาก แต่ความคุ้มค่าที่สุดของการลงทุนไม่ได้อยู่ที่ตัวเงิน แต่เป็นความคุ้มค่าที่เราสร้างคนที่มีทักษะชีวิต มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างคุณประโยชน์ให้กับสังคม มากกว่าเศรษฐกิจของตนเองและครอบครัวเพียงอย่างเดียว แต่อยากทำเพื่อผู้อื่น สัญญาทุนเราอาจจบในวันนี้ แต่สัญญาใจที่จะร่วมกันพัฒนาชุมชนท้องถิ่นและประเทศไทยจะไม่มีวันสิ้นสุดตลอดไป”
ผู้จัดการ กสศ. กล่าวว่า สำหรับนักศึกษาทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง ที่จบการศึกษารุ่นนี้ มีภาครัฐ ภาคเอกชน ร่วมสนับสนุนงบประมาณลงทุนร่วมกับ กสศ. ในลักษณะทุนการศึกษา เช่น สลากการกุศลตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2567 ที่รัฐบาลสนับสนุนให้ กสศ. สนับสนุนเยาวชนอีกจำนวน 456 คน ได้ทุนเรียนต่อหลักสูตรระยะสั้น 1 ปี ในสาขาผู้ช่วยพยาบาล และผู้ช่วยทันตแพทย์ใน 15 สถาบันการศึกษาทั่วประเทศ
“ตามนิยามของ ดร.นิเวศน์ กูรูการลงทุนหุ้นสายคุณค่า (VI) หุ้น Super Stock คือหุ้นที่มีการเติบโตอย่างน้อย 10 เท่า ภายในระยะเวลา 10 ปี การลงทุนในนักเรียนทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูงเหมือนการลงทุนในหุ้น Super Stock ของคนไทยทุกคนที่มีส่วนได้สนับสนุนการพัฒนาน้องๆ จากเด็กในครัวเรือนยากจน สู่การเป็นผู้ประกอบอาชีพผู้ช่วยพยาบาล ผู้ช่วยทันตแพทย์ ช่างไฟฟ้า ช่างเทคนิคระบบราง ช่างเมคคาทรอนิกส์และหุ่นยนต์ ที่มีการเติบโตทั้งความรู้ความสามารถ และชีวิตที่มุ่งช่วยเหลือผู้อื่นและประเทศชาติ เป็นการเติบโตรอบด้านมากกว่า 10 เท่า ปัจจุบันมีหน่วยงานมาร่วมลงทุนในเด็ก Super Stock เหล่านี้กับ กสศ. จำนวนมาก นอกจากสลากการกุศล ยังมีมูลนิธิ 50 ปีธนาคารแห่งประเทศ มูลนิธิตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย”
ดร.ไกรยส ระบุว่า จากข้อมูลความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนปีที่เข้ารับการศึกษาโดยเฉลี่ย (Average years of schooling) และรายได้ต่อหัวประชากร (GDP per capita) พบว่าประเทศที่มีประชากรที่ได้รับการศึกษาได้ในระดับที่สูง จะมีแนวโน้มมีรายได้ต่อหัวประชากรที่สูงด้วยเช่นกัน โดยหากเปรียบเทียบในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะพบว่าประชากรในประเทศไทยได้รับการศึกษาโดยเฉลี่ย 9.32 ปี หรือราวระดับการศึกษาบังคับ (ม.3) ซึ่งสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านที่มีระดับรายได้ต่อหัวประชากรต่ำกว่าอย่างเวียดนามและอินโดนีเซีย ขณะที่ประเทศที่มีความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูงกว่าไทย เช่น มาเลเซียและสิงคโปร์ หรือในประเทศเสือเศรษฐกิจในเอเชียอื่นๆ เช่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง และไต้หวัน ต่างมีประชากรที่มีระดับการศึกษาสูงกว่าการศึกษาภาคบังคับ อยู่ที่ 11-13 ปีทั้งสิ้น สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของทุนมนุษย์ในการยกระดับรายได้และเศรษฐกิจของประเทศ
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์การต่อสู้และการใช้ชีวิตให้แก่นักศึกษาทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง กล่าวว่า การลงทุนกับการเรียนการศึกษาเป็นการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ผลตอบแทนดี คุ้มค่า ความมั่งคั่งของความรู้ ในที่สุดแปลงเป็นเงินได้ทั้งหมด นักศึกษาทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง ซึ่งแต่ละคนมีฐานะทางบ้านยากจนแต่กลับอยากเรียนหนังสือ อยากเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้น ถือว่าทุกคนเป็นผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์ เพราะความคิดสร้างสรรค์ คือการไม่ยอมแพ้ ไม่ยอมจำนนต่อชะตากรรม และพยายามคิดมุมใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง พาตัวเองไปอยู่ในจุดที่ทำให้มีเครื่องมือ ซึ่งหมายถึงการศึกษามาช่วยเปลี่ยนแนวทางในการดำรงชีวิต หาทางทำให้ชีวิตดีขึ้น การตัดสินใจเรียนต่อแม้จะมีฐานะยากจน คือความคิดสร้างสรรค์ที่ยิ่งใหญ่มาก
บุหงา หาญณรงค์ นักศึกษาทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง กสศ. โรงเรียนจิตรลดาวิชาชีพ สถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา ได้ทำงานที่โรงแรมแมนดารินกรุงเทพ ห้องอาหารเดอะเวอรันดาห์ กล่าวว่า ในช่วงที่เรียนได้ฝึกงานถึง 1 ปี ทำให้เราสามารถโชว์ศักยภาพอย่างเต็มที่ ทุ่มเททำงานทุกอย่างที่ได้รับคำสั่ง ทุ่มเททำงานมากกว่าที่สั่ง เพราะคิดว่าคือการเรียนรู้ เราพร้อมที่จะเรียนรู้ตลอดเวลา
“โอกาสการศึกษาจาก กสศ. ไม่ได้เปลี่ยนแค่ตัวหนู แต่เปลี่ยนครอบครัวหนูด้วย ทำให้ครอบครัวมีความคล่องในสภาพการเงิน หนูสามารถเรียนจบโดยไม่ต้องใช้เงินจากที่บ้าน เข้าถึงการศึกษาที่ดี มีคุณภาพ หนูมีเงินเก็บ ครอบครัวไม่ได้ลำบาก และยังสามารถสนับสนุนที่บ้านได้ด้วย ทุกการสนับสนุนของ กสศ. และครู ไม่ใช่แค่ให้เราเรียนจบ แต่ทำให้เรามีอนาคตที่ดี เป็นความหวัง เป็นที่พึ่งพา ในวันที่หนูไม่มีใคร”
นอกจากนี้ตลอดระยะเวลาสองปี ได้รับการแนะแนวการใช้เงินอย่างถูกวิธี ได้นำเงินจากทุน กสศ. ส่วนหนึ่ง เก็บเป็นเงินออม เรียนจบจึงมีเงินก้อน มาใช้ชีวิตในช่วงหางาน ปัจจุบันยังเก็บเงินออมทุกเดือน เพราะเราเห็นคุณค่า ว่าเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ได้จริง ความฝันสูงสุดคืออยากมีร้านอาหารเป็นของตัวเอง และอยากจะตอบแทนสู่สังคม ช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษา ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ด้วย เมื่อเรามีโอกาส ได้รับ วันหนึ่งที่มีกำลังพอ การตอบแทนคือสิ่งที่ดีที่สุด
วรรธนะ แดงมงคล นักศึกษาทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง วิชาเมคคาทรอนิกส์และหุ่นยนต์ สาขางานเมคคาทรอนิกส์และระบบอัตโนมัติ วิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ กล่าวว่า ตนเติบโตมาในครอบครัวที่อุปการะ และวันหนึ่งพ่อบุญธรรมถูกออกจากงาน ไม่สามารถส่งให้เรียนต่อ จึงต้องเสียสละให้พี่ชายเรียนจบปริญญาตรี แต่อาจารย์แนะนำว่ามีทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง วินาทีที่ได้รู้ว่าได้รับทุนจาก กสศ. รู้สึกดีใจมากที่ได้รับโอกาส ได้เป็นส่วนหนึ่งของเพชรที่รอการเจิดจรัสในอนาคต ตั้งเป้าหมายว่าเมื่อได้รับทุน จะพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น สมกับโอกาสที่ได้รับ
“ในวันนี้หลังเรียนจบ ปวส. ผมได้ทำงานกับบริษัท AIC ที่ได้มี MOU กับบริษัทมิชลินประเทศไทย และหลังจากทำงานปีหนึ่ง ตั้งเป้าไว้ว่าจะเรียนต่อคณะครุศาสตร์เพราะอยากเป็นครู เพราะอาจารย์ที่คอยดูแลให้โอกาสผมมากๆ ผมจึงอยากเป็นครูคนหนึ่งที่ให้โอกาสคนอื่นด้วยเหมือนกัน”