ลมเย็นๆ พัดผ่านใบหน้า บทเพลงคริสต์มาสและพรปีใหม่ เสียงชนแก้วและเสียงหัวเราะจากเพื่อนพ้อง คือสัญญาณบอกว่าปีเก่ากำลังจะผ่านไป ปีใหม่กำลังจะเข้ามา
บรรยากาศออฟฟิศ THE STANDARD ในวันใกล้สิ้นปีเริ่มเงียบเหงา เครื่องชงกาแฟถูกยกไปทำความสะอาด Hot Desk ชั้นล่างร้างผู้คน ห้องอัดพอดแคสต์-ห้องตัดวิดีโอเหลือเพียงคอมพิวเตอร์ตั้งเหงาๆ ไม่ต้องพูดถึงลานเบียร์หน้าออฟฟิศที่สุดคึกคักในยามค่ำคืนก็มีเพียงพี่ยามที่นั่งหาวอยู่ลำพัง
ผมและกองบรรณาธิการข่าวเป็นคนกลุ่มท้ายๆ ที่ยังคงเข้ามาเคลียร์งานที่ออฟฟิศ นั่งทำงานไปก็รู้สึกเปลี่ยวใจไม่น้อย เมื่อสถานที่ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความวุ่นวายกลับเงียบเชียบได้อย่างไม่น่าเชื่อ
หัวข้อการประชุมในวันนั้นคือการทบทวนบทเรียนของปีที่ผ่านมา และตั้งเป้าหมายในปีหน้า ซึ่งพอได้นึกย้อนกลับไปก็พบว่า ปี 2017 เป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทั้งกับโลก ประเทศไทย และตัวผมเอง
โลกปี 2017 ยังคงเต็มไปด้วยความอลหม่านไม่ต่างจากปี 2016 ปมปัญหาเดิมยังไม่คลี่คลาย ในขณะที่ปัญหาใหม่ๆ ก็ผุดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน
โดนัลด์ ทรัมป์ และ Brexit เป็นแรงผลักสำคัญให้ลูกตุ้มแห่งอำนาจแกว่งจากซ้ายไปขวา ไอเอสในอิรักและซีเรียแตกพ่ายกลายเป็นชุดความคิดก่อการร้ายที่เริ่มเคลื่อนไหวจากยุโรปมาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความตึงเครียดเรื่องขีปนาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีนับวันยิ่งร้อนระอุและบ้าคลั่ง วิกฤตคู่ขนานของผู้อพยพในยุโรปและชาวโรฮีนจาในเมียนมา การเรียกร้องเอกราชของแคว้นกาตาลุญญาในสเปน เหตุกราดยิงในลาสเวกัสสุดสะเทือนขวัญ และความเกลียดชังที่ฝังรากลึกที่ชาร์ล็อตส์วิลล์ จนถึงคดีล่วงละเมิดทางเพศสุดอื้อฉาวในวงการฮอลลีวูดของฮาร์วีย์ ไวน์สตีน
เหล่านี้คือตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นว่าโลกเดินทางมาถึงจุดที่ซับซ้อนเกินกว่าจะใช้ชุดความคิดเดิมๆ ในการทำความเข้าใจ
อย่างไรก็ดี ในข่าวร้าย เรายังได้เห็นข่าวดีเกิดขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะความสำเร็จในการประกาศใช้กฎหมายแต่งงานของคู่รักเพศเดียวกันในออสเตรเลีย หรือการประกาศหมั้นของคู่รักในฝันอย่างเจ้าชายแฮร์รี กับเมแกน มาร์เคิล
มองกลับมาที่ประเทศไทย ต้องบอกว่าปีนี้คือปีที่ยากลำบากสำหรับใครหลายคน เราอยู่ในช่วงเยียวยาตัวเองจากความสูญเสียครั้งใหญ่ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าที่ทุกอย่างจะกลับสู่สภาวะปกติ
ปัญหาหนักสุดในปีนี้คือน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง ในขณะที่ปัญหาเดิมๆ ก็ยังไม่เคยได้รับการแก้ไข เหมือนละครน้ำเน่าที่แค่เปลี่ยนตัวนักแสดง แต่พล็อตเรื่องวนเวียนน่าเศร้าใจ
ความยุติธรรมยังคงบิดเบี้ยว ความปรองดองไม่ได้สร้างด้วยมาสคอต เสียงของสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยฟังดูแผ่วเบา คดีจำนำข้าวยิ่งลักษณ์ – สรยุทธ – น้องเมย – ไผ่ ดาวดิน – บอส อยู่วิทยา – นาฬิกาหรู Richard Mille คือเครื่องหมายคำถามตัวใหญ่ที่ยังไม่มีคำตอบ
ปีนี้ยังเป็นปีที่รัฐบาลส่งสัญญาณการเลือกตั้งและปลดล็อกการเมืองอย่างชัดเจนที่สุด รวมทั้งประกาศข่าวดีแทบทุกวันว่า ‘เศรษฐกิจดี’ ตัวเลขจีดีพีน่าจะโตถึง 4% อีอีซีจะเป็นความหวังใหม่ แต่ข้อเท็จจริงก็คือชาวบ้านคนเดินดินกลับไม่รู้สึกว่าได้รับอานิสงส์เท่าไร
ในขณะที่ตัวเลขการส่งออกของประเทศไทยเติบโต และบรรดาผู้ส่งออกรายใหญ่กินเลี้ยงฉลองยอดสิ้นปี ความเหลื่อมล้ำในสังคมก็ยิ่งถ่างออกๆ คนกินข้าวแกงยังคงหิว และมนุษย์เงินเดือนยังคงหมุนเงินแบบเดือนชนเดือน นี่คือความท้าทายสำคัญที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหา ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
ท่ามกลางความมืดมิด ปรากฏการณ์ ‘ตูน บอดี้สแลม’ ได้กลายเป็นเหมือนแสงสุดท้ายช่วงปลายปีที่ส่องสว่างไปทั่วประเทศ ทั้งในแง่ของเงินบริจาคที่เป็นรูปธรรม แรงบันดาลใจที่ประเมินค่ามิได้ หรือกระทั่งการชี้เป้าให้เห็นถึงปัญหาเชิงโครงสร้างของการจัดสรรงบประมาณ
ในฐานะสื่อมวลชนที่เฝ้ามองปรากฏการณ์และถ่ายทอดข้อเท็จจริงสู่สาธารณชน ต้องยอมรับว่าเป็นปีที่ยากลำบากและเหนื่อยเอาการ ซึ่งคงไม่ต่างอะไรกับกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ที่เจอกับความท้าทายรอบด้านเช่นกัน
สำนักข่าว THE STANDARD เปิดตัวช่วงกลางปี วิ่งแข่งกับความเร็วระดับเสี้ยววินาทีของโลกออนไลน์ ต่อสู้กับภาพมายาของยอดไลก์และแชร์ แหวกว่ายคลื่นสึนามิ Digital Disruption ที่เชี่ยวกราก ปะทะกับแรงเสียดทานจากสังคมที่จับตาสื่อใหม่ และอีกล้านปัญหาที่พร้อมใจกันถาโถม
หลายครั้งเล่นเอาหอบ ท้อ สับสน หายใจไม่ทั่วท้อง และบางครั้งที่สารภาพแบบไม่อายว่าต้องเสียน้ำตาลูกผู้ชาย
บางค่ำคืน หัวถึงหมอน นอนไม่หลับ แล้วจู่ๆ น้ำตาก็ไหลไม่รู้ตัว
บางค่ำคืน แหงนมองฟ้า เฝ้าถามว่าจะส่งอะไรมาให้พิสูจน์ตัวเองอีกไหม
บางค่ำคืน มองคนรอบข้างแล้วอยากขอโทษที่พวกเขาต้องมาเจออะไรแบบนี้
สิ่งที่ทำได้ในตอนนั้นมีเพียงกลั้นน้ำตา สูดหายใจลึก จับมือคนรอบข้าง แล้วเดินหน้าต่อ
เรียนรู้ทุกๆ เสี้ยววินาที ก้าวทีละก้าวอย่างมีสติ
เดินช้าได้ แต่ห้ามหยุด ห้ามกลัวล้ม
ล้มแล้วลุกให้เร็ว ล้มใหม่ให้เจ็บน้อยกว่าเดิม ล้มใหม่ให้ไม่ซ้ำท่าเดิม
บาดแผลและรอยถลอกคืออนุสรณ์ที่มีคุณค่า
สิ่งสำคัญ 3 สิ่งที่ผมได้เรียนรู้ในปีนี้คือ
1. ทุกๆ การเปลี่ยนแปลงมีทางออกเสมอ อย่ากลัวการเปลี่ยนแปลง และอยู่กับมันให้เป็น
2. จงให้คุณค่ากับคนที่เรารักและรักเรา อยู่ให้ห่างจากคนที่คิดร้ายกับเรา
3. ห้ามหมดพลังใจ กำลังกายหมดแล้วนอนพักก็หาย แต่พลังใจ หากมอดดับก็ยากที่จะจุดติด พลังใจคือเชื้อเพลิงสำคัญที่สุดที่ทำให้เราเดินหน้าต่อได้
ปีนี้เป็นปีที่ผมรู้สึกเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นมากที่สุดปีหนึ่ง มองย้อนกลับไปเห็นเรื่องร้ายๆ แล้วก็รู้สึกโชคดีที่ผ่านมาได้ ต้องยกเครดิตให้กับคนรอบข้างและทีมงานคุณภาพทุกคน หากไม่มีพวกเขา THE STANDARD ก็คงไม่มีวันนี้
โอกาสนี้ ผมขออนุญาตเป็นตัวแทนทีมงานชาว THE STANDARD ในการกล่าวคำว่า ‘ขอบคุณ’ คุณผู้อ่านทุกท่านตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา
ขอบคุณในทุกๆ แรงสนับสนุน กำลังใจ คำวิจารณ์ ขอบคุณทุกๆ เรตติ้งรีวิว 5 ดาวและ 1 ดาว ขอบคุณทุกความคิดเห็นที่ทำให้เรารู้ตัวว่ายังมีคนที่มองเห็นคุณค่า และมีหลายอย่างที่เราต้องพัฒนา ปรับปรุง แก้ไขให้ดีขึ้นกว่าเดิม
เราสัญญาว่าจะพยายามทำหน้าที่เป็นสื่อมวลชนที่ดี มีมาตรฐานคุณภาพในการทำงาน ยึดมั่นในความถูกต้อง เชื่อถือได้ และยืนอยู่ข้างประชาชนสมดังความมุ่งมั่นที่มีตั้งแต่เริ่มต้น
มองไปปีหน้า ผมเห็นปัญหาและความท้าทายอีกมากที่รออยู่ ขณะเดียวกันก็เห็นความหวังอันล้นเหลือ
โลกยังคงเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ขึ้นอยู่กับเราว่าจะทำความเข้าใจกับความเปลี่ยนแปลงนั้นได้ดีแค่ไหน เราเลือกที่จะโอบกอดแล้วอยู่กับมัน หรือถีบไสไล่ส่งปิดประตูตัวเอง
ผมเป็นคนท้ายๆ ของออฟฟิศที่ปิดประตูเดินออกมาจากตึก ป้าย THE STANDARD ดับมืดลง พี่ยามกล่าวคำอำลาและอวยพรปีใหม่
อีกไม่นาน Hot Desk ชั้น 1 ก็คงเต็มไปด้วยผู้คนอีกครั้ง รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ เสียงตะโกนโหวกเหวกและความวุ่นวายกำลังจะกลับมา ช่วงหยุดยาวสิ้นปีคงทำให้เครื่องปรับอากาศได้พัก คอมพิวเตอร์ได้ชาร์จพลัง เครื่องชงกาแฟได้ทำความสะอาด ก่อนจะกลับมาชงเอสเปรสโซให้เราได้กระชุ่มกระชวยพร้อมสู้อีกครั้ง
สวัสดีปีใหม่ครับ
นครินทร์ วนกิจไพบูลย์
บรรณาธิการบริหาร
30 ธันวาคม 2560, บ้าน