วันนี้ (21 มกราคม) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกเอกสารข่าวเผยแพร่ถึงสื่อมวลชน ระบุว่า
ตามข่าวศาลรัฐธรรมนูญที่ 2/2563 ความว่า ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาคำร้องกรณี ณฐพร โตประยูร ผู้ร้อง ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญว่า การกระทำของของพรรคอนาคตใหม่ ผู้ถูกร้องที่ 1 ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ถูกร้องที่ 2 ปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ถูกร้องที่ 3 และคณะกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ ผู้ถูกร้องที่ 4 เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง
โดยศาลรัฐธรรมนูญได้มีมติเอกฉันท์ วินิจฉัยว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้ง 4 ตามที่ผู้ร้องกล่าวอ้างไม่เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่ง
โดยศาลรัฐธรรมนูญมีความเห็นเกี่ยวกับข้อบังคับของพรรคอนาคตใหม่ พ.ศ. 2561 ข้อ 6 วรรคสอง อาจก่อให้เกิดความแตกแยกระหว่างชนในชาติตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 14 (3 ) ได้ ซึ่ง กกต. มีหน้าที่และอำนาจที่จะพิจารณาและมีมติเพิกถอนข้อบังคับนั้นได้ตามมาตรา 17 วรรคสาม เพื่อป้องกันความสับสนขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น สมควรที่ผู้เกี่ยวข้องจะได้ช่วยกันแก้ไขเพื่อให้สอดคล้องกับบัญญัติของรัฐธรรมนูญต่อไปนั้น
ในการนี้ กกต. ได้มอบหมายให้สำนักงาน กกต. พิจารณาศึกษาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในส่วนที่เกี่ยวกับข้อบังคับของพรรคอนาคตใหม่ข้างต้นเพื่อเสนอความเห็นต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองและรายงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อพิจารณาตามมาตรา 17 วรรคสาม พ.ร.ป. ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 โดยเร็ว
สำหรับมาตรา 17 วรรคสาม ของ พ.ร.ป. ว่าด้วยพรรคการเมือง บัญญัติไว้ว่าในกรณีที่ปรากฏในภายหลังว่าข้อบังคับของพรรคการเมืองที่ได้ยื่นไม่เป็นไปตามมาตรา 14 หรือมาตรา 15 ให้นายทะเบียนรายงานคณะกรรมการเพื่อพิจารณาและมีมติให้เพิกถอนข้อบังคับนั้น และให้แจ้งมติของคณะกรรมการให้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองทราบภายใน 7 วัน นับแต่วันที่คณะกรรมการมีมติ
ในการนี้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองต้องดำเนินการแก้ไขข้อบังคับให้ถูกต้องหรือครบถ้วนภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือนั้น
เมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้ว หากไม่มีการแก้ไข หรือยังแก้ไขไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน ให้พรรคการเมืองนั้นสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์