วันนี้ (10 เมษายน) ที่งานสัมมนาเสริมสร้างความรู้และความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายสื่อมวลชนเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวถึงรูปแบบการรายงานผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการที่ กกต. จะสามารถให้ประชาชน สื่อมวลชน ทราบได้ประมาณ 22.00 น. ของวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 เป็นข้อมูลของแต่ละหน่วยทยอยรายงานต่อเนื่อง
ในส่วนของบัตรเลือกตั้งที่มาจากต่างประเทศ เรื่องนี้ต้องอาศัยความร่วมมือของกรมท่าอากาศยาน, กรมการกงสุล และกระทรวงการต่างประเทศ และผู้มีสิทธิเลือกตั้งด้วย เพราะการบริหารจัดการสำหรับต่างประเทศยอมรับว่ามีความลำบาก ประชาชนที่อยู่ห่างไกลต้องเสียเวลามาที่หน่วยเลือกตั้ง
ที่ผ่านมาขั้นตอนการนำบัตรกลับมาในประเทศได้มีการซักซ้อม เพราะ กกต. มีบทเรียนแล้ว ส่วนกระทรวงการต่างประเทศที่ผ่านมาก็หาวิธีแก้ไขตามแต่ละสถานการณ์ ตามแต่สภาพของแต่ละประเทศ เพื่อให้สามารถนำบัตรกลับมาพร้อมกับการลงคะแนนในประเทศให้ได้ทัน
แสวงยังได้กล่าวถึงนโยบายที่ต้องใช้เงินที่แต่ละพรรคใช้หาเสียงนั้น สามารถทำได้ แต่ต้องมีเงื่อนไขคือต้องแจกแจงที่มาของเงิน หรือวิธีการหาเงิน ประโยชน์ ความคุ้มค่า และความเสี่ยง ทุกพรรคต้องทำรายงานข้อมูล ซึ่งตอนนี้มี 6 พรรครายงานข้อมูลดังกล่าวมาที่ กกต. แล้ว
ซึ่งนโยบายที่ต้องใช้เงินจะถือว่าไม่ใช่การสัญญาว่าจะให้ ต่อเมื่อมีการรายงานข้อมูล 3 เงื่อนไขเบื้องต้น ไม่เช่นนั้นอาจจะผิดเข้าข่ายหลอกลวงตามกฎหมายเลือกตั้งมาตรา 73(5) ก็ได้ อย่างไรก็ตาม กฎหมายไม่ได้บอกว่าถ้ารายงานไม่ครบแล้วจะมีความผิด เพียงแต่กำหนดว่าให้ กกต. แจ้งให้ดำเนินการให้ครบถ้วน และมีโทษเป็นการปรับจนกว่าจะดำเนินการถูกต้องครบถ้วน
แสวงกล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมากรณีนโยบายเงินดิจิทัลของพรรคเพื่อไทยมีการรายงานมาแล้ว แต่ข้อมูลยังไม่ครบ ซึ่งวันนี้ทางสำนักงาน กกต. จะส่งหนังสือให้ทุกพรรครายงานองค์ประกอบดังกล่าวให้ครบถ้วนภายใน 7 วัน เพื่อเป็นข้อมูลให้ประชาชนใช้ในการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นประชานิยมแบบไหนก็ต้องมีข้อมูล พรรคต้องดูแลตัวเองด้วย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนอีก 60 พรรคที่เหลือยังไม่มีการส่งรายงานนโยบายมาที่สำนักงาน กกต. หรือไม่ แสวงระบุว่า บางพรรคอาจจะไม่มีนโยบายเรื่องดังกล่าว แต่ถ้าเมื่อไรมีนโยบายเกี่ยวกับการใช้เงินต้องแจ้ง บางพรรคอาจมีนโยบายเรื่องการแก้ไขกฎหมายก็ไม่ต้องแจ้ง