ในปี 2564 ที่ผ่านมา แม้จะเป็นอีกหนึ่งปีที่ ‘ไทย’ เผชิญการแพร่ระบาดของโรคโควิดอย่างหนัก จนทำให้เศรษฐกิจขยายตัวเพียงราวๆ 1% ต่ำกว่าการคาดการณ์ของหลายๆ สำนักวิจัย ซึ่งเคยประเมินไว้ในช่วงต้นปีที่ระดับ 3-4% แต่ถ้ามองในมุมของ ‘ตลาดหุ้นไทย’ แล้ว ในปีดังกล่าวนับว่าเป็นอีกหนึ่งปีที่ตลาดหุ้นไทยขยายตัวได้ค่อนข้างดี โดยให้ผลตอบแทนสูงราว 13.4%
คำถามคือ แนวโน้มตลาดหุ้นไทยปี 2565 ทิศทางจะเป็นอย่างไร ทีมข่าว THE STANDARD WEALTH ได้รวบรวมความเห็นของ ‘นักวิเคราะห์’ จากหลายๆ สำนักวิจัย เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุน
เชื่อมั่น ‘เศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว’ ฟื้นหนุนหุ้นไทยปี 2565 ไปต่อ
อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ ประเมินภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทยปี 2565 ว่า ยังให้ผลตอบแทนเป็นบวก โดยมองเป้าหมายดัชนีสิ้นปีที่ระดับ 1,720 จุด มีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่น่าจะขยายตัวได้ดีจากฐานในปีก่อนที่ต่ำ และยังได้อานิสงส์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกด้วย
รวมทั้งในปีหน้าคาดว่าภาครัฐจะเร่งกระตุ้นการลงทุนมากขึ้น และการส่งสัญญาณการเลือกตั้งครั้งใหญ่ของไทย ทั้งสนามการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่คึกคักอย่างมาก และการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในโอกาสถัดไป จะช่วยให้มีเม็ดเงินสะพัดมากขึ้น
ประกอบกับรัฐบาลยังคงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและกำลังซื้อผ่านโครงการต่างๆ เช่น ช้อปดีมีคืน, คนละครึ่งเฟส 4 ก็จะช่วยให้เกิดการใช้จ่ายมากขึ้นด้วย
เตือนระวัง 5 ปัจจัยเสี่ยง
อย่างไรก็ตาม ในปี 2565 ตลาดหุ้นไทยยังมี 5 ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องระมัดระวัง คือ
- มูลค่าตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันเริ่มตึงตัวแล้ว
- นโยบายการเงินโลกที่กลับทิศ ทำให้สภาพคล่องในตลาดหุ้นลดลง และดอกเบี้ยที่แนวโน้มเป็นขาขึ้นจะเป็นตัวกดดันมูลค่าตลาดหุ้น
- ปัญหาเงินเฟ้อทั่วโลกที่จะยังทรงตัวในระดับสูงและยาวนานตลอดทั้งปี
- ปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน
- การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดที่ยืดเยื้อ โดยเฉพาะเมื่อมีการระบาดของสายพันธุ์โอไมครอน ซึ่งมีอัตราการแพร่ระบาดสูงและทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อกลับมาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ตลาดหุ้นไทยในปี 2565 โดยภาพรวมยังขึ้นต่อจากปี 2564 แต่โอกาสขึ้นคงไปได้อีกไม่ไกล เรามองเป้าหมายที่ 1,720 จุด เพราะทั้ง 5 ปัจจัยที่กล่าวมา จะเป็นปัจจัยฉุดมูลค่าหุ้นทั่วโลก รวมทั้งตลาดหุ้นไทยด้วย”
สำหรับการจัดพอร์ตลงทุนในปีหน้า อภิชาติแนะนำว่าให้จัดสรรเม็ดเงินลงทุนหุ้นไทยและต่างประเทศสัดส่วน 60%, ตราสารหนี้ 10-20%, กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ 10-15% และสินทรัพย์ทางเลือก เช่น ทองคำ 5%
ส่วนกลุ่มหุ้นน่าสนใจในปี 2565 คือ ธนาคาร, ค้าปลีก, นิคมอุตสาหกรรม เนื่องจากได้รับผลดีจากการบริโภคในประเทศและภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว โดยเลือกหุ้นเด่น ประกอบด้วย BBL, TTB, DOHOME, GLOBAL, WHA และ CRC
ลุ้นหุ้นไทยแตะ 1,880 จุด หากคุมโควิดโอไมครอนได้
ด้าน ศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) มองว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยในปี 2565 จะปรับตัวขึ้นไปถึง 1,880 จุด เพิ่มขึ้นจากปี 2564 เกือบ 14% โดยมีอัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น หรือ P/E Ratio สูงถึง 22 เท่า ขานรับปัจจัยหนุนนักท่องเที่ยวต่างชาติซึ่งยังเชื่อว่าจะทยอยกลับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป โดยประเมินว่าตลอดทั้งปี 2565 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทยมากถึง 10 ล้านคน
รวมทั้งยังมองว่าแม้โควิดสายพันธ์ุโอไมครอนจะระบาดรวดเร็ว แต่คาดว่าสถานการณ์จะไม่รุนแรงเท่าในอดีต เนื่องจากคนทั่วโลกและคนไทยได้ทยอยฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 จำนวนมากแล้ว ขณะเดียวกัน ผู้ผลิตวัคซีนเองก็ยังอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อผลิตวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการต่อต้านสายพันธ์ุใหม่ๆ อีกด้วย
เขากล่าวด้วยว่า ในปี 2565 คาดว่ารัฐบาลจะยังคงเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องผ่านโครงการต่างๆ เพราะยังมีช่องว่างให้สามารถกู้ยืมเงินได้อีก 5 แสนล้านบาท ประกอบกับไทยจะมีการเลือกตั้ง 2 ครั้งใหญ่ๆ คือ
- การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2565 และ
- การเลือกตั้ง ส.ส. ในช่วงปลายปี 2565 หรือต้นปี 2566 ทำให้จะมีการจัดแคมเปญต่างๆ มากขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 1-2 ของปี 2565 มากขึ้น
“ถึงตอนนี้โอไมครอนจะระบาดมากขึ้นในหลายประเทศ และของไทยชะลอการรับนักท่องเที่ยวรายใหม่ แต่ยังให้เข้ามาได้สำหรับคนที่ลงทะเบียนไว้แล้ว ไม่ใช่การปิดประเทศเหมือนเมื่อก่อน ไม่มีการล็อกดาวน์ กิจกรรมต่างๆ ก็ยังเดินไปได้ ยารักษาโควิดใหม่ๆ ก็จะออกมาก ผมเชื่อว่าดัชนี 1,880 จุด ได้เห็นแน่”
สำหรับความเสี่ยงในปี 2565 ศราวุธให้น้ำหนัก 3 ปัจจัยหลัก คือ
- ปัญหาเงินเฟ้อทั่วโลกที่ยังทรงตัวในระดับสูง
- สถานการณ์แพร่ระบาดโควิดยืดเยื้อ
- ภาวะเศรษฐกิจโลกไม่สามารถเติบโตได้เต็มศักยภาพตามคาดการณ์
ดังนั้นจึงแนะนำให้นักลงทุนเลือกหุ้นกลุ่มที่เป็นเทรนด์การลงทุนในอนาคต เช่น รถยนต์หรือยานยนต์ไฟฟ้า
หวัง ‘ช้อปดีมีคืน-คนละครึ่งเฟส 4’ หนุนหุ้นไทยพุ่ง
กิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ประเมินเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยสิ้นปี 2565 ที่ระดับ 1,850 จุด โดยคาดว่าอัตราส่วนกำไรต่อหุ้น (EPS) ของบริษัทจดทะเบียนจะเติบโตขึ้น 15% เนื่องจากคาดว่าทั้งปี 2565 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาประเทศไทย 7 ล้านคน จากปี 2564 ที่มี 3 แสนคน
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก รวมทั้งไทยซึ่งประเมินว่า GDP จะเติบโตราว 4% กว่าๆ ตลอดจนการกระตุ้นให้ประชาชนเกิดการจับจ่ายใช้สอยผ่านนโยบายช้อปดีมีคืน ในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ และโครงการคนละครึ่งเฟส 4 ช่วงเดือนมีนาคมหรือเมษายน ปี 2565 ถือเป็นปัจจัยบวกสนับสนุนให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวในทิศทางขาขึ้นได้
ทีมข่าว THE STANDARD WEALTH ได้สำรวจมุมมองของบรรดาโบรกเกอร์ค่ายต่างๆ ถึงทิศทางตลาดหุ้นไทยในปี 2565 พบว่า โบรกเกอร์ยังประเมินตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยคาดว่าจะปรับตัวขึ้นได้ประมาณ 6-14% จากฐานสิ้นปี 2564
ภาพประกอบ: พรวลี จ้วงพุฒซา