สถานีโทรทัศน์ CNN รายงานว่า ธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB เปิดเผยแผนที่จะเร่งการซื้อคืนพันธบัตร เพื่อหวังหยุดยั้งการปรับขึ้นที่ไม่จำเป็นของต้นทุนการกู้ยืมที่อาจเกิดขึ้นนับจากนี้ โดยมีขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกับที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ออกมาส่งสัญญาณว่า Fed ยังไม่มีแผนที่จะดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินไปอีกระยะหนึ่ง
ความเคลื่อนไหวของ ECB ครั้งนี้มีขึ้นหลังการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายการเงิน โดยแถลงการณ์ของ ECB ระบุชัดว่าในช่วง 3 เดือนนับจากนี้ ทาง ECB คาดว่าการซื้อคืนสินทรัพย์ภายใต้โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจจากโควิด-19 หรือโครงการ Pandemic Emergency Purchase Programme (PEPP) ที่ระดับ 1.85 ล้านล้านยูโร มูลค่า 2.2 ล้านล้านสหรัฐ จะเป็นไปในอัตราที่เร็วขึ้นกว่าช่วงเดือนแรกๆ ของปีนี้ และจะซื้อพันธบัตรตามโครงการดังกล่าวจนถึงเดือนมีนาคม 2022
ขณะเดียวกัน ขนาดของโครงการยังสามารถปรับขยายได้หากจำเป็น เพื่อรักษาเงื่อนไขทางการเงินที่เอื้ออำนวยต่อการขยายตัวเติบโตในสหภาพยุโรป (อียู)
ในการประชุมครั้งนี้ ECB ยังมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรืออัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.50% ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%
คริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB ย้ำว่า ธนาคารกลางยุโรปยังคงเฝ้าจับตามองภาวะเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด ก่อนคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อปีนี้จะขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1.5% และมีโอกาสแตะระดับ 2% ในช่วงไตรมาสสุดท้าย ก่อนที่จะปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 1.2% ในปี 2022
ประธาน ECB ยังใช้โอกาสนี้แสดงความเห็นต่อการรับรองมาตรการฟื้นฟูเยียวยามูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน โดยยอมรับว่ามาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของอียู แต่ก็เตือนไม่ให้วิตกมากจนเกินไป
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง: