ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ออกแถลงการณ์โดยระบุว่า ECB จะลดวงเงินการซื้อพันธบัตรภายใต้โครงการ Pandemic Emergency Purchase Programme หรือ PEPP ลงจาก 8 หมื่นล้านยูโรเล็กน้อยในอีกสามเดือนข้างหน้า ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณเล็กๆ ในการผ่อนคลายนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งแรกของ ECB นับจากเกิดวิกฤตโควิด
“คณะกรรมการ ECB มีมติว่าตลาดการเงินจะยังอยู่ในสภาวะที่เอื้ออำนวยต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ถึงแม้ว่าวงเงินการซื้อพันธบัตรภายใต้โครงการ PEPP จะลดลงจากในช่วงสองไตรมาสที่ผ่านมา” แถลงการณ์ของ ECB ระบุ
แถลงการณ์ของ ECB ยังระบุอีกว่า แผนการซื้อพันธบัตรของ ECB จะเป็นไปอย่างยืดหยุ่นตามสภาวะตลาด โดยจะหลีกเลี่ยงการเกิดสภาวะเงินตึงตัว ซึ่งอาจกระทบต่อเป้าหมายเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์จากหลายสำนักประเมินว่า วงเงินการซื้อพันธบัตรจะลดจาก 8 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน ลงมาอยู่ที่ 6-7 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน
ทั้งนี้ ECB ยังยืนยันแผนการซื้อพันธบัตรในโครงการ PEPP ไปจนถึงเดือนมีนาคมปีหน้าเป็นอย่างน้อย โดยไม่เปิดเผยรายละเอียดว่าจะยุติการซื้อพันธบัตรเมื่อไรและอย่างไร
ECB ใช้การซื้อพันธบัตรดังกล่าวมาอย่างเนื่องเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด แต่ระดับเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นตัวสะท้อนว่าจุดเลวร้ายที่สุดของวิกฤตได้ผ่านไปแล้ว ทำให้คณะกรรมการตกอยู่ภายใต้แรงกดดันให้ผ่อนการใช้นโยบายกระตุ้นดังกล่าวลง
นอกจากการปรับลดวงเงินการซื้อพันธบัตรภายใต้โครงการ PEPP ลงเล็กน้อยในอีกสามเดือนข้างหน้า ECB ยังไม่ส่งสัญญาณถอนความช่วยเหลือภายใต้โครงการอื่นๆ ซ้ำยังบอกอีกด้วยว่าพร้อมจะเพิ่มมาตรการช่วยเหลืออื่นๆ ในกรณีจำเป็น
“ECB พร้อมจะปรับเครื่องมือทางการเงินที่มีอยู่ทั้งหมด เพื่อทำให้เงินเฟ้อเคลื่อนไหวทรงตัวอยู่ที่ระดับเป้าหมายที่ 2%” แถลงการณ์ของ ECB ระบุ
สำหรับโครงการ PEPP ของ ECB เปรียบได้กับมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเชิงปริมาณ (QE) ของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed)
นอกจากนี้ ECB ยังมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรืออัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในประวัติการณ์ รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ -0.5% และคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%
อ้างอิง: