จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อวาน (28 มีนาคม) จนทำให้อาคารที่กำลังก่อสร้างหลังหนึ่งถล่มลงมา วันนี้ (29 มีนาคม) ศ. ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย และนักวิจัยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ได้ตั้งข้อสังเกตถึงจุดเริ่มต้นของการถล่มว่า จากภาพวิดีโอ มีจุดที่พังทลายที่สำคัญ 3 จุด ได้แก่
- เสาชะลูดชั้นล่างหักบริเวณกลางเสา
- รอยต่อระหว่างพื้นไร้คานกับเสาชั้นบนเฉือนขาดในแนวดิ่ง
- การพังที่เกิดจากปล่องลิฟต์
ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจุดเริ่มต้นการถล่มเกิดที่จุดใด แต่ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากจุดใดก่อนก็สามารถทำให้อาคารถล่มราบคาบลงมาเป็นทอดๆ ได้ ซึ่งในทางวิศวกรรมเรียกว่า ‘Pancake collapse’
นอกจากนี้ ศ. ดร.อมร ยังกล่าวถึงปัจจัยที่อาจเป็นสาเหตุของการถล่มได้อีกหลายประการ เช่น
การสั่นพ้อง (resonance) ระหว่างชั้นดินอ่อนกับอาคารสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผ่นดินไหวระยะไกลจากเมียนมา เมื่อคลื่นแผ่นดินไหวเดินทางมาถึงชั้นดินอ่อนกรุงเทพฯ จะเป็นแผ่นดินไหวแบบคาบยาว (long period) ซึ่งจะกระตุ้นอาคารสูงได้ เนื่องจากมีคาบยาวที่ตรงกันระหว่างอาคารกับชั้นดินอ่อน
ปัจจัยอื่นๆ เช่น ตัวปั้นจั่นที่ติดตั้งในปล่องลิฟต์ มีการสะบัดตัวและส่งผลกระทบต่อโครงสร้างอย่างไรนั้น ยังต้องพิสูจน์ต่อไป
คุณภาพวัสดุก่อสร้าง เช่น คอนกรีต และเหล็กเสริมว่ามีกำลังรับน้ำหนักเพียงใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล็กเส้นที่นำมาใช้ ได้มาตรฐานและมีความเหนียวเพียงพอหรือไม่
ศ. ดร.อมร ระบุต่อว่า ตามกฎกระทรวงแผ่นดินไหว พ.ศ. 2550 และ พ.ศ. 2564 อาคารหลังนี้ควรต้องออกแบบให้ต้านแผ่นดินไหวในระดับที่ไม่ควรถล่มแบบนี้ จึงต้องไปตรวจสอบแบบและการก่อสร้างด้วย จึงจำเป็นต้องตรวจสอบทุกปัจจัยก่อนจะสรุปสาเหตุที่แท้จริงได้