บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ หรือ EA เปิดเผยแผนการและความคืบหน้าในการรุกคืบสังเวียนธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า โดยล่าสุดได้ออกมาประกาศว่า ภายในปี 2564 นี้พวกเขาจะดำเนินการทยอยจัดส่งรถบัสไฟฟ้าให้ครบราว 500 คัน โดยจะเริ่มต้นจากการจัดส่ง 120 คันในช่วงกลางปีนี้ก่อน
ขณะที่โรงงานประกอบรถบัส AAB ที่มีกำลังการผลิตที่ 3,000-5,000 คันต่อปี คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงกลางปีนี้ และจะเริ่มผลิตได้ภายในไตรมาส 3 ปี 2564 เป็นต้นไป
อมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ตามแผนที่วางไว้ แม้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยที่บริษัทยังอยู่ระหว่างการเตรียมส่งมอบรถบัสไฟฟ้าจำนวน 120 คัน และจะทยอยส่งมอบไปจนถึงปลายปีนี้รวมประมาณ 500 คัน ซึ่งในระยะแรกบริษัทได้ใช้บุคลากรของ บริษัท ไมน์ โมบิลิตี คอร์ปอเรชั่น จํากัด และบริษัทในกลุ่ม NEX ในการประกอบรถบัสไฟฟ้า และเมื่อโรงงาน AAB ก่อสร้างแล้วเสร็จจึงจะเริ่มผลิตรถบัสในล็อตถัดไป
ทั้งนี้โครงการรถบัสไฟฟ้าตามแผนกลยุทธ์ในการขยายไปยังธุรกิจรถบัสโดยสาร ผ่านพันธมิตร บริษัทได้จัดตั้ง บริษัท แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จำกัด (AAB) เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตรถบัสและรถเพื่อการพาณิชย์ทุกประเภท และถือหุ้นในสัดส่วน 55% (ถือหุ้นทางอ้อมผ่านบริษัทย่อย อีเอ โมบิลีตี โฮลดิง จำกัด (EMH)
รวมทั้งยังได้เข้าลงทุนซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX ในสัดส่วนประมาณ 40% ผ่าน EMH ซึ่งการลงทุนดังกล่าวเป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ในการใช้เทคโนโลยีการผลิตแบตเตอรี่ และการอัดประจุไฟฟ้าที่พัฒนาจากกลุ่ม EA เพื่อสร้างอีโคซิสเต็มของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะรถบัสไฟฟ้าได้ครบวงจร ตั้งแต่การผลิต ประกอบ จัดจำหน่าย ตลอดจนการขายและให้บริการหลังการขาย
สำหรับโรงงานของ AAB ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา มีพื้นที่การผลิตของโรงงานประมาณ 55,000 ตารางเมตร ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างและติดตั้งเครื่องจักร โดยมีกำลังการผลิต 3,000-5,000 คันต่อปี สามารถรองรับการผลิตรถได้หลายประเภท เช่น รถบัส รถบรรทุก และรถตู้ มูลค่าการลงทุนประมาณ 1,750 ล้านบาท ซึ่งจะนำเข้าชิ้นส่วนจากต่างประเทศมาประกอบร่วมกับชิ้นส่วนสำคัญที่ออกแบบและผลิตในประเทศ คาดว่าแล้วเสร็จและเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงไตรมาส 3 นี้
“ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี 2564 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน จากโครงการลงทุนใหม่ในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งจะเป็นธุรกิจที่สนับสนุนการเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด ทั้งนี้บริษัทจะเน้นให้ความสำคัญกับการเดินหน้าธุรกิจใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อการโดยสารสาธารณะ” นายอมรกล่าว
สำหรับโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนที่ดำเนินการภายใต้บริษัทย่อยชื่อ บริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด (ATT) ระยะที่ 1 ซึ่งมีขนาดกำลังการผลิต 1 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี ปัจจุบันยังเดินหน้าได้ตามแผน โดยอยู่ระหว่างการทดสอบการทำงานของเครื่องจักรทั้งระบบ คาดว่าโรงงานจะสามารถเริ่มดำเนินการผลิตสำหรับระยะที่ 1 ได้ในช่วงกลางปี 2564 โดยระยะแรกจะจำหน่ายแบตเตอรี่ไปยังกลุ่มธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าภายในกลุ่มของบริษัท ได้แก่ รถบัสไฟฟ้าและเรือไฟฟ้า
ส่วนการขยายสถานีประจุไฟฟ้าได้ดำเนินการติดตั้งอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันเกือบ 500 สถานี มีหัวชาร์จมากกว่า 1,600 หัว มีตั้งแต่ระบบธรรมดา หรือ AC Charger ไปจนถึงระบบชาร์จเร็วและทันสมัยที่สุด หรือ DC Super-Fast Charge ที่ใช้เวลาเพียง 15-20 นาที และบริษัทยังคงดำเนินแผนเปิดรับพันธมิตรรายใหม่ๆ เพื่อขยายการลงทุนติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง
สำหรับในปีนี้บริษัทวางงบลงทุนไว้ประมาณ 6,100 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในธุรกิจพลังงาน สัดส่วน 46%, ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า 25%, ธุรกิจแบตเตอรี่ 20%, ธุรกิจสถานีชาร์จ 7% และอีก 2% สำหรับลงทุนโครงการใหม่
ส่วนธุรกิจเดิมทั้งธุรกิจไบโอดีเซลและ PCM รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ส่วนใหญ่จะนำไปใช้ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตโครงการโรงไฟฟ้าต่างๆ เพื่อให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าดีขึ้น รวมถึงมองหาการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ๆ เพิ่มเติมอีกด้วย
พิสูจน์อักษร: ชนเนตร ลอยครุฑ