นับว่าเป็นภาพยนตร์ไซไฟฟอร์มยักษ์ของปีที่ผู้ชมทั่วโลกตั้งตารอ สำหรับ Dune: Part Two โดยผู้กำกับมากวิสัยทัศน์ Denis Villeneuve ที่จะพาผู้ชมออกเดินทางสู่ดาวแห่งทะเลทรายอีกครั้ง พร้อมด้วยงานสร้างและฉากสงครามที่ตื่นตายิ่งกว่าเดิม วันนี้ THE STANDARD POP ถือโอกาสชวนคอภาพยนตร์มาย้อนชมเกร็ดน่าสนใจของ Dune: Part Two เพื่อเป็นการอุ่นเครื่องก่อนตีตั๋วไปรับชมมหาสงครามระดับจักรวาลครั้งนี้พร้อมกัน วันที่ 29 กุมภาพันธ์นี้ ในโรงภาพยนตร์
บทความที่เกี่ยวข้อง:
Dune: Part One (2021)
ภาพยนตร์ไซไฟฟอร์มยักษ์ที่ Denis Villeneuve ตื่นเต้นมากที่สุดในชีวิตการทำงาน
หลังจาก Dune: Part One เข้าฉายอย่างเป็นทางการในปี 2021 ภาพยนตร์ก็ได้เสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์และผู้ชมทั่วโลกอย่างล้นหลาม ด้วยการกวาดรายได้รวมทั่วโลกไปกว่า 433 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้จะผ่านช่วงสถานการณ์โควิดได้ไม่นาน และได้รับคะแนนรีวิวจากนักวิจารณ์บนเว็บ Rotten Tomatoes สูงถึง 83% และคะแนนจากผู้ชมทั่วไปสูงถึง 90% ไม่เพียงแค่นั้นภาพยนตร์ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Oscars มากถึง 10 สาขา และสามารถคว้ารางวัลด้านเทคนิคมาได้ทั้งหมด 6 สาขา เช่น ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม กำกับภาพยอดเยี่ยม ออกแบบงานสร้างยอดเยี่ยม ฯลฯ
ด้วยความสำเร็จระดับปรากฏการณ์เหล่านี้ก็ส่งให้ค่าย Warner Bros. Pictures และ Legendary เปิดไฟเขียวให้ผู้กำกับ Denis Villeneuve สานต่อเรื่องราวของ Paul Atreides (Timothée Chalamet) และมหาสงครามระดับจักรวาลต่ออย่างรวดเร็ว โดย Dune: Part Two จะเป็นการนำเนื้อหาครึ่งเล่มหลังของนิยาย Dune เล่มแรกของนักเขียน Frank Herbert มาดัดแปลงเป็นฉบับภาพยนตร์ ซึ่งจะพาเราไปติดตามเส้นทางการล้างแค้นของ Paul ที่ถูกตระกูล Harkonnen ลอบสังหารผู้เป็นพ่อและกองทัพ Atreides จนย่อยยับ
Denis Villeneuve
โดย Denis Villeneuve เล่าว่าความท้าทายสำคัญในการสร้างภาพยนตร์ Dune: Part One คือการแนะนำให้ผู้ชมได้รู้จักกับจักรวาลอันยิ่งใหญ่ของ Frank Herbert ซึ่งอัดแน่นไปด้วยรายละเอียดยิบย่อยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบอบการปกครอง ความสัมพันธ์ของตระกูลใหญ่ วัฒนธรรมของแต่ละสังคม ไปจนถึงความเชื่อความศรัทธา
แต่เมื่อ Dune: Part One ทำหน้าที่ปูเรื่องราวพื้นฐานให้ผู้ชมได้ทราบว่าใครเป็นใครกันแล้ว การสร้าง Dune: Part Two จึงทำให้ Denis Villeneuve และทีมสร้างสามารถใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไปในภาพยนตร์ได้อิสระมากขึ้น ลงลึกในรายละเอียดได้มากขึ้น และสามารถยกระดับหลายๆ องค์ประกอบของเรื่องให้ยิ่งใหญ่มากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้น Dune: Part Two จึงกลายเป็นโปรเจกต์ภาพยนตร์ไซไฟฟอร์มยักษ์ที่ Denis Villeneuve ตื่นเต้นมากที่สุดในชีวิตการทำงาน
เบื้องหลังงานสร้างที่ถูกยกระดับจากภาคแรกในทุกองค์ประกอบ
Dune: Part Two เริ่มต้นถ่ายทำอย่างเป็นทางการในเดือนกรกฎาคมปี 2022 ซึ่งแม้ว่าภาพยนตร์จะยังดำเนินเรื่องราวต่อบนดาว Arrakis เป็นหลัก แต่เพื่อให้ภาพยนตร์เรื่องนี้พาผู้ชมไปสำรวจทิวทัศน์ใหม่ๆ ของดาว Arrakis Denis Villeneuve และทีมสร้างจึงออกค้นหาโลเคชันใหม่ๆ ของทะเลทรายอาบูดาบีและทะเลทรายวาดิรัมที่ประเทศจอร์แดนเพื่อใช้ในการถ่ายทำ ทั้งการค้นหาเนินทรายที่มีรูปทรงเป็นเอกลักษณ์และเหมาะสมกับแสงเงาที่ผู้กำกับภาพอย่าง Greig Fraser ต้องการ ไปจนถึงการเลือกสีของทะเลทรายและโขดหินเพื่อให้เหมาะสมกับเรื่องราวที่ดำเนินอยู่
ซึ่งเมื่อพูดถึงดาว Arrakis แน่นอนว่าสิ่งที่ใครหลายคนนึกถึงคือหนอนยักษ์ทะเลทราย หรือ Shai-Hulud ที่เราได้รู้จักตำนานเล่าขานและความยิ่งใหญ่ของมันกันไปแล้วในภาคแรก แค่คราวนี้เราจะได้เห็นการขี่หนอนยักษ์ครั้งแรกของ Paul ซึ่งเป็นบททดสอบสำคัญเพื่อพิสูจน์ว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของชาว Fremen
แต่เนื่องจากหนังสือต้นฉบับของ Frank Herbert ไม่ได้อธิบายขั้นตอนการขี่หนอนไว้ จึงทำให้ผู้กำกับและทีมสร้างต้องคิดวิธีถ่ายทำฉากนี้ขึ้นมาใหม่เพื่อให้ผู้ชมได้เห็นขั้นตอนการขี่หนอนของ Paul แบบวินาทีต่อวินาที ทีมสร้างจึงได้จัดทีมถ่ายทำในชื่อ Worm Unit เพื่อสร้างสรรค์ฉากนี้ขึ้นมาโดยเฉพาะ โดยพวกเขาใช้เวลาในการเตรียมการนานหลายเดือน ทั้งการออกแบบตะขอเกี่ยวของชาว Fremen และคิดค้นวิธีการใช้งาน การสร้างหนอนยักษ์จำลองขึ้นมาเพื่อให้นักแสดงสามารถขึ้นไปยืนได้อย่างมั่นคง พร้อมกับการออกแบบท่าทางการยืนให้ถูกต้อง ไปจนถึงการยกกองไปถ่ายทำฉากขี่หนอนยักษ์ในสถานที่จริง เพื่อให้ได้แสงเงาของทะเลทรายที่สมจริงมากที่สุด
นอกจากการสร้างสรรค์ฉากสงครามและการปรากฏตัวของหนอนยักษ์สุดยิ่งใหญ่ Denis Villeneuve ยังให้ความสำคัญกับรายละเอียดปลีกย่อยมากมายเพื่อให้ภาพยนตร์ออกมาสมจริงมากที่สุด หนึ่งในนั้นคือการสร้างภาษาของชาว Fremen ขึ้นมา
Denis Villeneuve ได้ร่วมมือกับ David J. Peterson นักภาษาศาสตร์ที่เคยร่วมงานกับผู้สร้างซีรีส์ Game of Thrones ในการคิดค้นภาษา Dothraki มาร่วมออกแบบภาษาของชาว Fremen ในชื่อ Chakobsa ตั้งแต่การประดิษฐ์คำศัพท์และวิธีการออกเสียงที่นักแสดงสามารถพูดได้อย่างลื่นไหล ก่อนที่ทีมสร้างจะพานักแสดงทุกคนมาเข้าคอร์สเรียนเพื่อฝึกซ้อมการใช้ภาษาของชาว Fremen เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้ภาษานี้ได้อย่างชำนาญเสมือนว่าพวกเขาคือชาว Fremen จริงๆ
ความสัมพันธ์ของ Paul และ Chani ที่ผลิบานท่ามกลางสงครามกลางทะเลทราย
เชื่อว่าฉากสำคัญที่ใครหลายคนอยากเห็นในภาคนี้คือฉากมหาสงครามระหว่างชาว Fremen, Harkonnen และกองทัพของจักรพรรดิ Padishah Shaddam IV (Christopher Walken) แต่สำหรับผู้กำกับ Denis Villeneuve หัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนเรื่องราวทั้งหมดของ Dune: Part Two คือความสัมพันธ์ของสองตัวละครหลักอย่าง Paul และ Chani (Zendaya)
“ภาพยนตร์เรื่องแรกชวนให้ผู้ชมครุ่นคิดมากกว่า เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มที่สำรวจโลกใบใหม่ แต่สำหรับภาคนี้มันคือสงคราม อย่างไรก็ตาม แก่นแท้ของภาพยนตร์คือเรื่องราวความรักระหว่าง Paul และ Chani Paul จะทำให้เธอเชื่อใจได้อย่างไร เธอจะเปิดใจให้เขาอย่างไร และพวกเขาจะหาทางปลดปล่อยโลกนี้จากน้ำมือของพวก Harkonnen อย่างไร ภาพยนตร์จะเต็มไปด้วยมวลความรู้สึกเหล่านั้น” Denis Villeneuve เล่าถึงหัวใจสำคัญของภาพยนตร์เรื่องนี้
ย้อนกลับไปในภาคแรกเราได้รู้จัก Chani สั้นๆ ผ่านนิมิตของ Paul และฉากสุดท้ายของเรื่อง แต่ในภาคนี้เราจะได้ทำความรู้จักกับ Chani นักรบหญิงชาว Fremen มากขึ้นกว่าเดิม ทั้งการเป็นนักรบผู้แข็งแกร่ง จุดยืนที่เธอมีต่อความเชื่อความศรัทธาของชาว Fremen ด้วยกัน ไปจนถึงความรักและความลังเลใจที่เธอมีต่อ Paul เมื่อผู้คนต่างยกย่องเขาให้เป็นดั่งเทพผู้นำทาง
“Chani เป็นส่วนหนึ่งของรุ่นที่ต่อสู้กับสิ่งที่คิดว่าเป็นแนวคิดล้าสมัย เธอเชื่อว่านั่นคือการกดขี่ผู้คน การผจญภัยของเธอจึงมีทั้งความซื่อสัตย์ จริงใจที่จะเรียนรู้และเติบโตจาก Paul เธอตกหลุมรักเขา แต่ขณะเดียวกันก็เกลียดสิ่งที่เขาเป็นตัวแทนอยู่ นั่นคือสิ่งที่ยากสำหรับเธอ เพราะเธอใส่ใจผู้คน เธอต้องการสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับสังคม Paul เข้ามาทำให้เธอต่อสู้อย่างยากลำบาก เธออยากเชื่อมั่นว่าเขาจะอยู่เคียงข้างเธอ มันต้องใช้เวลาเอาชนะใจเธอและทำลายกำแพงที่เธอมีเพื่อทำให้เธอไว้ใจเขา ความรักของพวกเขาสุดท้ายจะควรคู่อย่างแท้จริง” Zendaya เล่าถึงมิติของตัวละคร Chani ที่เราจะได้เข้าไปสำรวจ
Austin Butler, Christopher Walken และ Florence Pugh เหล่านักแสดงมากฝีมือที่ร่วมก้าวเท้าเข้าสู่โลกของ Dune
นอกจากทีมนักแสดงชุดเดิมอย่าง Timothée Chalamet, Zendaya, Rebecca Ferguson, Josh Brolin, Stellan Skarsgård ฯลฯ ที่จะกลับมาสานต่อเรื่องราวของตัวเองอีกครั้ง Dune: Part Two ยังพาเราไปรู้จักกับตัวละครหน้าใหม่ที่จะมาทำให้สงครามครั้งนี้เข้มข้นมากขึ้น พร้อมได้นักแสดงมากฝีมือมาร่วมเสริมทัพ
เริ่มต้นกันที่ Austin Butler นักแสดงมากเสน่ห์จากภาพยนตร์ชีวประวัติเรื่องเยี่ยมอย่าง Elvis (2022) ที่ส่งให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Oscars สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม โดยคราวนี้เขาจะรับบทเป็น Feyd-Rautha Harkonnen หลานชายจอมโฉดของ Baron Harkonnen (Stellan Skarsgård) นักรบผู้เฉลียวฉลาด เปี่ยมไปด้วยไหวพริบ คลั่งไคล้ในการฆ่าฟัน และไร้ซึ่งความปรานี
ซึ่งผู้ที่แนะนำให้ Denis Villeneuve มาเจอกับ Austin Butler ก็ไม่ใช่ใครอื่น นั่นคือผู้กำกับ Baz Luhrmann ที่ชวน Denis Villeneuve มาดูฟุตเทจของ Elvis ซึ่งหลังจากที่ Denis Villeneuve ได้เห็นเสน่ห์ทางการแสดงของ Austin Butler ในบทบาทศิลปินร็อกแอนด์โรลระดับตำนาน ก็ทำให้เขามั่นใจว่า Austin Butler จะรับบทเป็น Feyd-Rautha ได้อย่างแน่นอน
“การนำ Feyd-Rautha สู่จอภาพยนตร์นับเป็นความรับผิดชอบอย่างหนึ่ง เขาคือตัวละครหนึ่งที่มีความโดดเด่นในนิยาย Dune ผมรู้สึกโชคดีมากที่ Austin Butler มาร่วมงานด้วย Feyd-Rautha เป็นหลานของ Baron Harkonnen และ Austin Butler ต้องถ่ายทอดเขาออกมาในบทฆาตกรโรคจิต ที่เหมือนรวมร่างผู้ชำนาญด้านการใช้ดาบกับ Mick Jagger เขาถ่ายทอดความน่าทึ่งออกมาบนหน้าจอได้จริงๆ ผมภูมิใจกับ Feyd-Rautha เวอร์ชันนี้จริงๆ และอดใจรอให้ทุกคนเห็นการแสดงของ Austin Butler แทบไม่ไหวเลย” Denis Villeneuve เล่าถึงความประทับใจที่ได้ร่วมงานกับ Austin Butler
อีกหนึ่งตัวละครสำคัญที่ถูกกล่าวถึงมาแล้วในภาคแรก และผู้ชมจะได้รู้จักเขามากขึ้นในภาคนี้ นั่นคือจักรพรรดิ Padishah Shaddam IV แห่งตระกูล Corrino ผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารตระกูล Atreides โดยตัวละครนี้จะได้นักแสดงมากประสบการณ์อย่าง Christopher Walken เจ้าของรางวัล Oscars สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจาก The Deer Hunter (1978) มาสวมบทบาท ซึ่งผู้กำกับยืนยันว่า Christopher Walken คือนักแสดงคนเดียวที่เขาอยากให้มาสวมบทเป็น จักรพรรดิ Shaddam IV
“จักรพรรดิคือตัวละครที่มีเอกลักษณ์ในเรื่อง และต้องการนักแสดงที่ถ่ายทอดแรงดึงดูด ความละเอียดลึกซึ้ง และความสับสนที่มีในตัวละครนี้ออกมาได้ Christopher Walken เป็นเพียงคนเดียวที่อยู่ในหัวตอนที่ผมเขียนบท ผมโชคดีมากที่เขายอมเล่นบทนี้ เขามีความโดดเด่น งดงาม และใจดี ผมตื่นเต้นที่จะได้เห็น Christopher Walken แม้เขาจะไม่อยู่บนหน้าจอ เขาก็มีความอ่อนโยนและอยู่เคียงข้างนักแสดงคนอื่น เขามีสปิริตสูงมาก และผมรักการทำงานร่วมกับเขาจริงๆ”
Florence Pugh นับว่าเป็นอีกหนึ่งนักแสดงหญิงมากฝีมือที่ฝากผลงานเรื่องเยี่ยมมาแล้วมากมาย ทั้ง Midsommar (2019) ที่ส่งให้เธอกลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และ Little Women (2019) ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Oscars สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม รวมถึงการรับบทเป็น Yelena ในจักรวาลภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่อย่าง MCU
โดยคราวนี้ Florence Pugh จะมารับบทเป็นเจ้าหญิง Irulan ลูกสาวของจักรพรรดิ Shaddam IV และรับหน้าที่เป็นผู้บรรยายเรื่องราวในเวอร์ชันนิยายต้นฉบับ เธอคือเจ้าหญิงที่ถูกฝึกฝนให้เป็น Bene Gesserit โดยแม่ใหญ่ Mohiam (Charlotte Rampling) ซึ่งส่งให้เธอเป็นเจ้าหญิงผู้เปี่ยมไปด้วยไหวพริบ เฉลียวฉลาด และสามารถคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
“Florence Pugh ค่อนข้างมีความเป็นมนุษย์ เธอคือคนที่มีความแข็งแกร่งในจิตใจในแบบที่ผมตามหา ผมไม่ต้องการให้เจ้าหญิง Irulan กลายเป็นเหยื่อหรือถูกใช้เป็นเครื่องมือ ผมอยากให้เธอมีเป้าหมายของตัวเองและกำหนดโชคชะตาด้วยมือของเธอเอง ผมรักนักแสดงที่เป็นผู้ฟังที่ดี ผมชอบที่ได้ถ่ายคนที่กำลังฟังผู้อื่น และคุณได้เห็นเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในดวงตาของพวกเขา และ Florence Pugh คือนักแสดงที่ยอดเยี่ยมในเรื่องนั้น เธอสามารถรวบรวมความตึงเครียดทั้งหมดที่ตัวละครต้องเผชิญท่ามกลางความเงียบของเธอ” Denis Villeneuve เล่าถึงความประทับใจที่ได้ร่วมงานกับ Florence Pugh
Dune: Part Two มีกำหนดเข้าฉายวันที่ 29 กุมภาพันธ์นี้ ในโรงภาพยนตร์
รับชมตัวอย่างได้ที่:
ภาพ: Warner Bros. Pictures
อ้างอิง:
- www.rottentomatoes.com/m/dune_2021
- www.imdb.com/title/tt1160419/
- www.boxofficemojo.com/title/tt1160419/news/
- https://collider.com/dune-2-trailer-release-date-cast/
- www.empireonline.com/movies/features/making-dune-part-two-denis-villeneuve-takes-empire-deeper-into-the-desert/
- https://ew.com/dune-part-two-timothee-chalamet-zendaya-austin-butler-florence-pugh-cover-story-8584736