ดีทีพี โกลบอล รีทส์ แมเนจเม้นท์ รุกเปิดกองทรัสต์ DTPHREIT ลงทุนในโรงแรมดังของ MQDC มูลค่ากองร่วม 4 พันล้าน เผย MQDC พร้อมรับซื้อคืนราคาเดิมหลังปิดกอง มั่นใจศักยภาพแข็งแกร่ง
บริษัท ดีทีพี โกลบอล รีทส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด (DTPRM) บริษัทบริหารกองทรัสต์ในเครือบริษัท ดีทีจีโอ พรอสเพอร์รัส จำกัด (DTP) ประกาศจัดตั้ง ‘กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อธุรกิจโรงแรมและสิทธิการเช่า ดีทีพี ฮอสพิทอลลิตี้ ที่มีข้อตกลงในการซื้อคืน’ (DTPHREIT) มูลค่ากองทรัสต์รวมไม่เกิน 4,107 ล้านบาท พร้อมเข้าลงทุนกิจการโรงแรมศักยภาพสูงของ MQDC (บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด) เผยเป็นกองทรัสต์ REIT Buy-Back ซึ่งเป็นกองทรัสต์ประเภทที่มีข้อตกลงให้เจ้าของเดิมรับซื้อทรัพย์สินคืนในวันสิ้นสุดการลงทุน
วนิดา สุขสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีทีพี โกลบอล รีทส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด (DTPRM) เปิดเผยว่า กองทรัสต์ DTPHREIT จะเข้าลงทุนในทรัพย์สินประเภทโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ที่มีศักยภาพของ MQDC ดังนี้
- ลงทุนในสิทธิการเช่าช่วงอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าสังหาริมทรัพย์โครงการโรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพฯ
- เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์และงานระบบต่างๆ ในโครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด (MRB)
- ลงทุนในกรรมสิทธิ์โครงการโรงแรมยู เขาใหญ่ (U Khao Yai)
รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 4,107 ล้านบาท
โดยกองทรัสต์ DTPHREIT เป็นกองทรัสต์ประเภท REIT Buy-Back ที่มีข้อตกลงในการขายอสังหาริมทรัพย์คืนให้แก่เจ้าของเดิมเมื่อสิ้นสุดปีที่ 3 นับตั้งแต่วันที่กองทรัสต์เข้าลงทุน (Obligation) นอกจากนี้ในระหว่าง 3 ปีที่กองทรัสต์เข้าลงทุน ได้มีข้อตกลงในการให้เจ้าของทรัพย์สินเช่ากลับ เพื่อนำทรัพย์สินหรือโรงแรมไปบริหารจัดการ และจ่ายค่าเช่าให้แก่กองทรัสต์ในอัตราที่แน่นอน โดยได้กำหนดอัตราค่าเช่าทั้ง 2 โครงการไว้ที่ประมาณ 217.49 ล้านบาทต่อปี และมีการวางเงินประกันเท่ากับค่าเช่าที่ต้องชำระให้แก่กองทรัสต์เป็นจำนวน 3 เดือน ซึ่งจะทำให้กองทรัสต์ DTPHREIT มีรายได้ที่มั่นคงแน่นอน
“ด้วยรายได้และผลตอบแทนที่แน่นอนสม่ำเสมอจากการให้เจ้าของทรัพย์สินเช่ากลับโดยกำหนดค่าเช่าคงที่ ทำให้กองทรัสต์ DTPHREIT สามารถจ่ายผลตอบแทนให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้ในอัตรา 7% ต่อปี โดยจ่ายในอัตราคงที่ตลอด 3 ปี นอกจากนี้เจ้าของยังตกลงที่จะซื้อทรัพย์สินคืนในราคาที่เท่ากับราคาที่กองทรัสต์เข้าลงทุนในวันที่สิ้นสุดปีที่ 3 นับจากกองทรัสต์เข้าลงทุน ทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับเงินลงทุนคืนเต็มจำนวนเมื่อสิ้นสุดปีที่ 3” วนิดากล่าว
ทั้งนี้ กองทรัสต์คาดว่าจะเสนอขายหน่วยลงทุนให้แก่ผู้ลงทุนสถาบันและ/หรือผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ (Ultra-High Net Worth) โดยมี บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) และ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) เป็นผู้จัดจำหน่าย และมีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย เป็นทรัสตี
วิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MQDC ซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์สิน กล่าวว่า ทรัพย์สินที่ขายให้กองทรัสต์ DTPHREIT ถือเป็นทรัพย์สินที่มีศักยภาพที่สูงมาก ทั้งทำเลที่ตั้งและคุณภาพ และเป็นทรัพย์สินที่มีความสำคัญกับกลุ่มบริษัท โดยวัตถุประสงค์ของการระดมทุนในครั้งนี้เพื่อนำเงินที่ได้มารองรับการลงทุนเพิ่มและนำมาชำระหนี้บางส่วน และเป็นเงินทุนหมุนเวียน
“ทั้งนี้ หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดคลี่คลายลงอย่างมาก หลายประเทศผ่อนคลายมาตรการและเปิดประเทศให้คนเดินทางมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามามากขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ทิศทางธุรกิจโรงแรมกลับมาฟื้นตัวได้รวดเร็วเช่นกัน ซึ่งจะส่งผลให้ความสามารถในการหารายได้และมูลค่าทรัพย์สินฟื้นตัวกลับมาในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างมาก ดังนั้นหลังครบกำหนด 3 ปี บริษัทมีความตั้งใจอย่างยิ่งและมีความพร้อมในการซื้อทรัพย์สินคืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินทรัพย์ที่ขายให้กอง DTPHREIT ขณะนี้มีอัตราการฟื้นตัวรวดเร็วมาก เนื่องจากในช่วงโควิดที่ผ่านมา ทาง MQDC คงอัตราจ้างงานพนักงานโรงแรมทุกแห่งโดยไม่มีการคัดพนักงานออกแม้แต่รายเดียว และมีการดูแลอสังหาริมทรัพย์ให้พร้อมเปิดบริการตลอดเวลา ทำให้สามารถกลับมาดำเนินการตามปกติได้ทันทีที่มีการเปิดประเทศ
“จากสถานการณ์ต่างๆ ที่คลี่คลายและมีทิศทางดีขึ้น ทำให้เรามั่นใจว่าการท่องเที่ยวจะกลับมาเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตได้อีกครั้ง และธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ธุรกิจบริการ จะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ของบริษัทที่กองรีทเข้าลงทุนในครั้งนี้ ตั้งอยู่ในทำเลที่โดดเด่น ใกล้แหล่งท่องเที่ยวใจกลางเมือง บริหารโดยทีมงานชื่อดังระดับสากล จะได้รับประโยชน์โดยตรง ซึ่งจะเป็นปัจจัยเอื้อให้กลุ่มบริษัทสามารถบริหารจัดการและดำเนินการตามข้อตกลงกับกองรีทได้เป็นอย่างดี ทั้งการชำระค่าเช่าให้กองรีทและการซื้อคืนทรัพย์สินได้ตามข้อตกลง” วิสิษฐ์กล่าว
ภาพ: MQDC