วันนี้ (21 กรกฎาคม) ที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดี DSI ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 24/2568 เปิดเผยความคืบหน้าการสอบสวนคดีอั้งยี่-ฟอกเงิน สว. ซึ่งได้ทำการสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน และจำลองเหตุการณ์การเลือก สว. ระดับประเทศ ณ อิมแพ็ค ฟอรัม ฮอลล์ 4 เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2567
เพื่อนำข้อมูลมาจัดทำระบบแผนที่อัจฉริยะ GEO-AI ในการวิเคราะห์พฤติกรรมกลุ่มบุคคลที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมายในการเลือก สว. นอกจากนี้ ระบบ AI ยังถูกใช้ตรวจสอบความผิดปกติของการลงคะแนน เช่น การกาหมายเลขซ้ำกันหลายฉบับ หรือการโหวตตามโพย
การสืบสวนได้นำไปสู่การตรวจสอบเส้นทางการเงินจากรายการเดินบัญชีธนาคาร ตามคำให้การของพยานคนสำคัญที่รู้เห็นขบวนการฮั้ว จนพบกลุ่มบุคคล 7 ราย ที่มีเส้นทางการเงินใกล้ชิดกับขบวนการดังกล่าว และได้ออกหมายเรียกพยานล็อตแรกนี้มาสอบปากคำตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 จากนั้นได้ออกหมายเรียกพยานเพิ่มอีก 5 ราย รวมเป็น 12 ราย
ล่าสุด DSI ได้สอบปากคำพยานในคดีรวมแล้ว 90 ราย ทั้งกลุ่มผู้รู้เห็นการวางแผนและหลักฐานทางการเงิน โดยเตรียมออกหมายเรียกพยานเพิ่มเติมในล็อตสุดท้าย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ช่วย ผู้เชี่ยวชาญ หรือที่ปรึกษาประจำตัว สว. อธิบดี DSI ระบุว่า มีการโอนเงินจากบุคคลเหล่านี้กลับไปยังคณะบุคคลบางกลุ่ม ซึ่งทำให้ DSI ต้องตรวจสอบที่มาของการแต่งตั้งบุคคลใกล้ชิด สว. ว่ามีสาเหตุใด และเกี่ยวข้องกับ ‘คนนอก’ หรือไม่
คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 24/2568 เปิดเผยเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ และผู้ช่วยประจำตัว สว. ส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกแต่งตั้งโดย สว. เอง แต่มีคณะบุคคลอื่นเป็นผู้แต่งตั้ง ทำให้ DSI ต้องทำหนังสือไปยังวุฒิสภาเพื่อขอตรวจสอบใบกรอกประวัติและโปรไฟล์ของบุคคลเหล่านี้ เพื่อวิเคราะห์เส้นทางการเงินและธุรกรรม โดยเฉพาะการโอน-รับโอนภายในบัญชีภายหลังได้รับเงินเดือน
เมื่อได้รับเอกสารที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว คณะพนักงานสอบสวนจะหารือกันภายใน 1-3 วันนี้ เพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมายและนัดสอบปากคำพยานในล็อตสุดท้ายต่อไป
