วันนี้ (19 ธันวาคม) กลุ่มภาคีสีรุ้งและภาคีเครือข่ายเพื่อความหลากหลายทางเพศ จัดกิจกรรม ‘สานฝันสมรสเท่าเทียม: รวมพลังสู่การเปลี่ยนแปลงในสภา’ ที่ลานกิจกรรมด้านหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ผ่านร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา และเตรียมเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรวาระที่ 1 ในช่วงวันที่ 21 ธันวาคมนี้
สำหรับกิจกรรมประกอบไปด้วยการส่งเสียงเรียกร้องถึงความสำคัญและความจำเป็นที่ต้องมีกฎหมายสมรสเท่าเทียมของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศจากกลุ่มต่างๆ และการโชว์ Drag Queen
แพทองธารยินดีความสำเร็จอีกขั้นของสมรสเท่าเทียม
ขณะที่กิจกรรมวันนี้ แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยสนับสนุนเรื่องนี้มาโดยตลอด และวันนี้ทราบว่า ครม. มีมติเห็นชอบเรื่องนี้ และเตรียมเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 21 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี เป็นความสำเร็จอีกขั้นหนึ่ง และตนเองก็ยินดีกับเรื่องนี้
“วันนี้ต้องผลักดันให้เกิดขึ้นให้ได้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเรื่องนี้จะสำเร็จแน่นอน” แพทองธารระบุสั้นๆ ก่อนจะพูดถึงการกำชับ สส. ของพรรคเพื่อไทยให้เข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งตนเองได้เน้นย้ำไปแล้วว่าอยากให้การทำงานในสภาแข็งแรงขึ้น คิดว่าการพูดคุยในวันนี้เป็นไปในทิศทางที่บวก ทุกคนพร้อมให้ความร่วมมือ
เสวนา ‘โค้งสุดท้ายสมรสเท่าเทียม’
ในช่วงท้ายของกิจกรรมมีการเสวนา ‘โค้งสุดท้ายสมรสเท่าเทียม’ โดยมี อัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์ สส. กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย, วาดดาว-ชุมาพร แต่งเกลี้ยง นักกิจกรรมเพื่อความหลากหลายทางเพศ, นรีลักษณ์ แพไชยภูมิ จากกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม และ นัยนา สุภาพึ่ง ที่ปรึกษามูลนิธิเพื่อสิทธิและความเป็นธรรมทางเพศ
อัครนันท์กล่าวว่า กฎหมายสมรสเท่าเทียมนั้นเคยมีการผลักดันตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย ซึ่งต่อมารัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่นำโดย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็มีการผลักดันอีกครั้ง แต่ก็เกิดการรัฐประหาร 2557 เสียก่อน จนถึงสมัยนี้ที่มีนายกรัฐมนตรีชื่อ เศรษฐา ทวีสิน เราจึงมั่นใจว่ากฎหมายนี้จะเป็นจริงได้
อัครนันท์กล่าวว่า ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมที่กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาในครั้งนี้ได้มีการปรับเนื้อหาให้เข้ากับสถานการณ์โลกปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป เชื่อมั่นว่าในวันที่ 21 ธันวาคมนี้ กฎหมายฉบับนี้จะผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในขั้นรับหลักการไปสู่การตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาพิจารณา และพวกเราที่นั่งอยู่นี้จะไปร่วมกันเป็นกรรมาธิการ ก่อนจะผลักดันไปสู่การพิจารณาในวาระ 3 ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้เวลาไม่เกิน 1 ปี หลังจากนั้นจะไปถึงขั้นตอนของวุฒิสภา ซึ่งเชื่อว่าเราจะได้เห็นกฎหมายนี้บังคับใช้ได้จริงอย่างแน่นอน
“นี่คือหน้าประวัติศาสตร์ที่เราจะมีกฎหมายสมรสเท่าเทียม เป็นกฎหมายที่ทำให้ทุกคนมีความสุข ผมในฐานะนักการเมืองก็ต้องการที่จะผลักดันกฎหมายนี้ให้เกิดขึ้นจริง และเชื่อว่าในไม่ช้าทุกคนจะได้สมรสกันอย่างเท่าเทียมและถูกต้องตามกฎหมาย” อัครนันท์กล่าว
ขณะที่ชุมาพรกล่าวว่า 12 ปีก่อนมีความพยายามทำงานร่วมกันกับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และคณะกรรมาธิการในช่วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แต่ยุติไปหลังเกิดรัฐประหาร จากนั้นมีงานวิจัยทางวิชาการได้เสนอว่าเราต้องได้รับการคุ้มครองเสมอหน้าตามกฎหมาย จึงมีการออกแถลงการณ์ฉบับแรกว่าต้องการแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ในปี 2559 และในปี 2561 เราจัดทำข้อเสนอซึ่งมี 10 พรรคมารับ รวมถึงพรรคเพื่อไทย ที่ผ่านมาเรารอคอยกฎหมายฉบับนี้เพื่อสร้างให้เกิดความเท่าเทียม ดังนั้นจึงอยากผลักดันให้ออกมาบังคับใช้ได้จริงโดยเร็วที่สุด เมื่อถึงเดือนไพรด์ในปี 2567 เราจะได้มีการเฉลิมฉลองอีกครั้ง
ด้านนรีลักษณ์กล่าวว่า เป้าหมายของกระทรวงยุติธรรมคือสมรสเท่าเทียม ซึ่งต้องชื่นชมทุกภาคส่วนที่ร่วมกันผลักดันกฎหมายฉบับนี้ และเชื่อมั่นว่าจากการสนับสนุนของนายกรัฐมนตรี มีส่วนช่วยให้เราไม่ต้องก้าวทีละก้าว เพราะในตอนนี้ทุกคนเห็นไปในทิศทางเดียวกัน จึงขอให้คอยติดตามการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร มั่นใจอย่างยิ่งว่ากฎหมายฉบับนี้จะผ่านจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน และการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นในช่วงชีวิตของเรา
และนัยนากล่าวว่า หากร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมฉบับนี้ผ่านการพิจารณาออกมาบังคับใช้ สิ่งที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นชาย หญิง และกลุ่มคนผู้มีความหลากหลายทางเพศทุกคนจะมีความสุขสมกับชื่องานที่ตั้งไว้ในวันนี้ว่า ‘Love Wins’ คือความรักชนะทุกสิ่ง ก่อนหน้านี้มีการบอกว่าการแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มันยาก ทำไม่ได้ แต่พอเราใช้ความรัก ความรักชนะทุกสิ่ง ความเท่าเทียมเกิดขึ้นไวเท่าใด ความสุขจะเกิดขึ้นไวเท่านั้น