วันนี้ (14 พฤศจิกายน) ที่ทำเนียบรัฐบาล ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นั่งเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แทน เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เนื่องจากติดภารกิจเดินทางไปร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจ APEC ครั้งที่ 30 (2023 APEC Economic Leaders’ Meeting) ระหว่างวันที่ 12-19 พฤศจิกายน 2566 ที่นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
ส่ง พ.ร.บ.กู้เงิน ให้กฤษฎีกาตีความแล้ว
ภูมิธรรมกล่าวถึงความคืบหน้า พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทว่า ได้ส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความแล้ว เนื่องจากการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ต โครงการเติมเงิน 10,000 บาท มีเลขาธิการกฤษฎีกาฯ อยู่ด้วย และได้รับเรื่องไปแล้ว ส่วนเรื่องระยะเวลานั้นได้พูดคุยกันและจะพยายามทำให้เร็วที่สุด
ภูมิธรรมกล่าวต่อว่า ส่วนความคิดเห็นที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องการกู้เงินนั้น ขณะนี้มีทั้งคนที่สนับสนุนและเห็นต่าง ตนอยากให้พิจารณาว่าพรรคเพื่อไทยได้เสนอเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนหาเสียงเลือกตั้ง และได้สัญญากับประชาชนไว้ ในเมื่อประชาชนตัดสินใจเลือกพรรคเพื่อไทยเข้ามาจนได้มาเป็นรัฐบาลในการบริหารประเทศ ก็ต้องยอมรับว่าในกระบวนการประชาธิปไตยหากจะเดินหน้าไปได้ก็ต้องยอมรับสิ่งที่ประชาชนเรียกร้องและตัดสินใจ ดังนั้นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยกำลังทำในฐานะรัฐบาลคือการทำตามเจตนารมณ์ของประชาชน
ทั้งนี้ ส่วนคนที่มีความคิดเห็นต่างจากเราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจรับฟังความคิดเห็นมาโดยตลอด และได้พูดย้ำหลายครั้ง อยากให้วิพากษ์วิจารณ์โดยคำนึง 2 เรื่อง ซึ่งเรื่องแรกคือ กระบวนการประชาธิปไตยที่จะต้องเดินหน้า และเรื่องที่สองคือ ต้องมองว่ากำลังวิกฤตเราจึงต้องเดินหน้า และเราได้รับฟังความคิดเห็นต่างๆ มา เรารับฟังความคิดเห็นและพิจารณาตามเหตุผลต่างๆ ทั้งนี้หากเราไม่ปรับตามความคิดเห็นของประชาชนหรือบุคคลอื่นๆ ก็จะเกิดปัญหา ยืนยันว่าเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วม
เมื่อถามว่าขณะนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์ถือเป็นวิกฤตหรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า ในทางปฏิบัติเรากำลังเร่งดำเนินการซึ่งอยู่ตามขั้นตอนทางกฎหมาย ทั้งนี้มีคนบอกว่าวิกฤตแล้วทำไมไม่ทำเลย เป็นการพูดแบบไม่คำนึงถึงกระบวนการปฏิบัติที่เป็นจริง พูดถึงแต่เอาอารมณ์ความรู้สึกความพึงพอใจส่วนตัวของตัวเอง เพราะวันนี้ถ้าเรากลับไปดูข้อมูลทางเศรษฐกิจจริงๆ เศรษฐกิจมันไม่ได้ดีอย่างที่หลายคนพูด เศรษฐกิจติดลบ
ภูมิธรรมกล่าวอีกว่า จากตัวเลขเศรษฐกิจที่ต่ำลง จึงต้องให้ความเป็นธรรมกับประชาชน และให้ความเป็นธรรมกับพรรคเพื่อไทย ตอนนี้ทุกคนอยากได้เงินในภาวะเศรษฐกิจมีปัญหา แต่จะทำอย่างไรให้ครบถ้วนถูกต้องตามวัตถุประสงค์และคำนึงถึงความเห็นต่าง ตนว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลพยามแก้ปัญหา จึงขอให้รอกระบวนการทั้งหมดให้เริ่มต้น การเข้าสู่กระบวนการกู้เงินเดิมทีเราไม่คิดจะกู้ แต่เมื่อมีข้อติดขัดและคิดว่าต้องกู้ เราจึงต้องคำนึงถึงสิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น
“ผมอยากให้คนที่คัดค้านหรือพรรคการเมืองที่คัดค้านต้องเคารพในระบอบประชาธิปไตย เมื่อหาเสียงมาแล้วเราต้องทำตามสิ่งที่สัญญาไว้กับประชาชน ถ้าทำแล้วไม่เป็นไปตามที่คิดล้มเหลวหรือมีปัญหาค่อยมาว่ากันตามกระบวนการประชาธิปไตย” ภูมิธรรมกล่าว
ภูมิธรรมกล่าวอีกว่า ตนเองมีการพูดคุยกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลถึงเงินที่จะใช้ในโครงการมาจากการกู้เงินมาโดยตลอด และในวันที่ประชุมเรื่องนี้ตนและ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย และอีกหลายกระทรวงที่เกี่ยวข้องได้เข้าร่วม ตนคิดว่าเราคุยกันมาตลอดในเรื่องนี้ ซึ่งเป็นนโยบายที่ได้แถลงต่อรัฐสภาในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเป็นการแถลงร่วมกันของคณะรัฐมนตรี จึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
นายกฯ ย้ำไม่คุยกฤษฎีกา หวั่นคนมองล็อบบี้
เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ออกมาตอบโต้การกู้เงินเพื่อทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ตรัฐบาลว่า ตนไม่ได้เถียงกับใคร ทุกคนมีความประสงค์ดีกับประเทศชาติทั้งนั้นอย่างที่ตนแถลง ว่าวิกฤตไม่วิกฤต จำเป็นไม่จำเป็น ซึ่งตนมองเห็นว่าเป็นเรื่องจำเป็น มองเห็นว่าเป็นเรื่องวิกฤตก็แค่นั้น ซึ่งประชาชนก็จะเป็นคนตัดสิน
เมื่อถามว่า คณะกรรมการกฤษฎีกามีการรายงานความเห็นเพิ่มเติมมาหรือไม่ เนื่องจากมีข่าวว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาจะเตือนเรื่องนี้เป็นพิเศษ เศรษฐากล่าวว่า ยังไม่ได้คุย ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาไม่มีคำว่าอาจจะเตือน แต่จะมีแค่คำว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ก็ขอให้รอแล้วกัน แต่รัฐบาลยืนยันว่าเรื่องนี้จำเป็นและเร่งด่วน
เมื่อถามอีกว่า ได้ปรึกษาเรื่องนี้กับ วิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการกฤษฎีกาหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่มี ตนต้องระมัดระวังในการที่จะคุยตรงนี้ เพราะไม่อยากให้เป็นการล็อบบี้หรือไปพูดคุย การที่ตนได้พูดคุยกับสาธารณชนในเรื่องนี้ก็ได้อธิบายไปแล้วว่ามีความจำเป็นเร่งด่วน GDP ไทยเติบโตเท่าไรเมื่อเปรียบเทียบกับเพื่อนบ้านอย่างชัดเจน และเราพูดคุยข้อมูลกันอย่างชัดเจนที่สุดแล้ว
จุลพันธ์มั่นใจ พ.ร.บ.กู้เงิน ผ่านสภา แต่ไม่ทันใช้สิทธิ์ช่วงสงกรานต์
ขณะที่ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่า กำลังดำเนินการอยู่ ยังตอบไม่ได้ว่าสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจะพิจารณา ร่าง พ.ร.บ. เมื่อไร โดยระหว่างนี้หลักเกณฑ์ต่างๆ ยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเพิ่มเติมอยู่ในขั้นศึกษากฎหมายให้เรียบร้อยก่อน
จุลพันธ์กล่าวอีกว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตมีทั้งคนที่เห็นด้วยและเห็นต่าง เรามีหน้าที่ทำทุกอย่างให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายครบถ้วน รับฟังเสียงสะท้อนทุกรูปแบบ ที่ผ่านมาเราปรับเปลี่ยนรูปแบบบางส่วนเพื่อให้เป็นไปตามเสียงที่ได้รับฟังมา เราพยายามทำให้โครงการนี้เป็นประโยชน์ และเป็นไปตามกรอบของกฎหมายทุกประการ
จุลพันธ์กล่าวว่า ในที่ประชุมมีความคิดเห็นแตกต่าง เป็นเรื่องปกติ ถ้าต้องการทราบก็เปิดเผยได้ ไม่มีความลับอะไร ส่วนตัวไม่ทราบข้อกฎหมาย แต่สามารถตอบความเห็นได้ในทุกประเด็น ส่วนกรณีที่ ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุว่า รัฐบาลไม่สามารถอ้างเรื่องเศรษฐกิจโตไม่เป็นไปตามเป้าเพื่อกู้เงินมาแจก ว่าเป็นมุมมองที่ต่างกัน ศิริกัญญาอาจมองถึงความจำเป็นที่แตกต่างไปจากรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลมีเป้าหมายจะต้องบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ถือเป็นมุมมองของแต่ละคน แต่ก็มีขั้นตอนตามกฎหมายที่ต้องวินิจฉัย รัฐบาลก็มีหน้าที่นำเสนอขั้นตอนต่างๆ ให้เป็นไปตามกรอบ บอกถึงเหตุผลและความจำเป็น ซึ่งความเห็นต่างสามารถหารือกันได้
ส่วนกรณีที่ประชาชนเรียกร้องให้เริ่มโครงการในช่วงเดือนเมษายน 2567 เพื่อให้ทันกับเทศกาลสงกรานต์ ตามกรอบเวลาแล้วไม่สามารถใช้ได้ เพราะการออก พ.ร.บ.มีขั้นตอนตามกฎหมาย กรณีที่ไม่มีอุปสรรคและเร็วที่สุดน่าจะเป็นเดือนพฤษภาคม 2567 มั่นใจร่าง พ.ร.บ. กู้เงิน ฉบับนี้จะผ่านสภาฯ เท่าที่รับฟังแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ทุกคนเห็นถึงความเดือดร้อน และเชื่อว่า สว.จะไม่ใช่อุปสรรค เพราะทุกคนก็เห็นปัญหา
พรรคร่วมฯ เชื่อเพื่อไทยไม่ได้มัดมือชก-รอกฤษฎีกาตีความ
ขณะที่ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวที่ว่าพรรคเพื่อไทยอาจมัดมือชกพรรคร่วมรัฐบาลให้เห็นด้วยกับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตว่า ใครจะมามัดมือชกพรรคร่วม อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ชอบด้วยกฎหมาย เป็นไปตามนโยบาย ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ พรรคร่วมมีหน้าที่สนับสนุน ส่วนการทำแบบนี้แต้มจะไปอยู่ที่เพื่อไทยอย่างเดียวนั้น ตอนนี้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล อย่าคิดเป็นปัจเจก ให้มองเป็นผลงานรัฐบาล เพราะถ้าต้องใช้เสียงสนับสนุนกว่า 300 เสียง ก็เป็นผลงานของทุกพรรค
อนุทินกล่าวต่อว่า เดี๋ยวมีขั้นตอนรอดูว่าสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าอย่างไร เชื่อว่าไม่มีใครที่คิดทำโดยที่ไม่ถูกต้อง ถ้าผ่านไปถึงสภาได้ โดยพื้นฐานก็มีความถูกต้องแล้ว และต้องผ่าน ครม. ก่อน ต้องมีความเห็นของส่วนราชการต่างๆ มาด้วย แม้กระทั่งกระทรวงมหาดไทยก็ต้องมีความเห็น
ส่วน วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวถึงกรณีนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตว่า ตนทราบมาจากหลายฝ่ายว่าเป็นเรื่องที่สามารถดำเนินการได้ โดยนายกฯ ได้พูดถึงแนวทางในการดำเนินการซึ่งต้องขอความเห็นจากกฤษฎีกา รวมถึงกลไกของรัฐสภา ตนคิดว่าทางที่ดีที่สุดให้รอความเห็นจากกฤษฎีกาก่อน ซึ่งเป็นความเห็นจากฝ่ายกฎหมายโดยตรง ดังนั้นตนขอฟังความเห็นจากกฤษฎีกาก่อน หลังจากนั้นจะเป็นไปตามขั้นตอนของสภา ในการเปิดโอกาสให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ดำเนินการ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอนที่รัฐบาลได้วางไว้
ทั้งนี้ ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลที่นายกฯ ระบุว่าจะสามารถยกมือสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กู้เงินได้หรือไม่ วราวุธกล่าวว่า เท่าที่ฟังมาจากหลายๆ ฝ่าย มีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ส่วนฝ่ายที่เห็นด้วยก็ยังยืนยันว่าทำได้ ดำเนินการได้ตามแนวทางที่วางไว้ แต่อย่างที่ทราบกันดีว่าการดำเนินการของโครงการนี้ ต้องผ่านกฤษฎีกาเสียก่อน ตนจึงคิดว่าให้เกียรติกฤษฎีกา รอฟังความเห็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย แล้วค่อยมาตีความแบบนี้จะเป็นประโยชน์
จ่อร้อง กกต. กู้มาแจก ไม่ตรงปก ผิดหรือไม่
ขณะที่ ศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เปิดเผยว่า ตามที่พรรคเพื่อไทยมีหนังสือถึง กกต. เรื่อง การกำหนดนโยบายที่ใช้ในการประกาศโฆษณาของพรรคเพื่อไทย ตามที่ พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 57 เกี่ยวกับกำหนดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) ผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน วงเงิน 5.6 แสนล้านบาทนั้น ซึ่งในเอกสารดังกล่าว รวมทั้งการโฆษณาหาเสียงและการให้สัมภาษณ์หรือการแถลงชี้แจงนโยบายของพลพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะ เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยในขณะนั้น ต่างยืนยันต่อสาธารณะและสื่อมวลชนมาโดยตลอด ว่านโยบายแจกเงินดังกล่าว ‘ไม่มีการกู้เงิน’ มาใช้จ่ายในนโยบายดังกล่าวโดยเด็ดขาด ทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนมากเชื่อมั่น จึงไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้กับพรรคเพื่อไทย
แต่ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เศรษฐาได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ว่าจะออก ‘พรบ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท’ เพื่อนำมาแจกประชาชนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปและมีรายได้ไม่เกิน 60,000 บาทต่อเดือน และมีเงินฝากไม่เกิน 500,000 บาท อันไม่เป็นไปตามการโฆษณาหาเสียงและไม่เป็นไปตามเอกสารการชี้แจงที่ให้ไว้ต่อ กกต.แต่อย่างใด
กรณีดังกล่าว จึงอาจเข้าข่ายเป็นการหลอกลวงหรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง ตาม ม.73 (5) (1) ประกอบ ม.159 ของ พรป.ว่าด้วยการหาเสียงเลือกตั้ง สส. 2561 หรือไม่ ซึ่งอาจเข้าข่ายการหาเสียงเลือกตั้งที่เป็นไปโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรมหรือไม่ จึงเป็นหน้าที่และอำนาจของ กกต. ที่จะต้องดำเนินการสืบสวนหรือไต่สวนตาม ม.224 ประกอบ ม.226 และเสนอเรื่องไปยังศาลฎีกาเพื่อพิจารณาพิพากษาลงโทษตามครรลองของกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ องค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน จะนำความไปร้องเรียนต่อ กกต. ให้ดำเนินการดังกล่าวในวันพุธที่ 15 พฤศจิกายน 2566 เวลา 10.00 น. ที่สำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการฯ อาคาร B หลักสี่ กทม.