“ผมขอประกาศเจตนารมณ์ผ่านสื่อมวลชนว่า บัดนี้ผมพร้อมที่จะเสนอตัวชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป” คือถ้อยแถลงยืนยันจากหมอวรงค์ หรือ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ที่หน้าลานพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่มหาวิทยาลัยนเรศวร พิษณุโลก และต่อหน้าสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์นับร้อยคนที่มาร่วมกิจกรรมในวันนี้
หมอวรงค์ใช้พื้นที่จังหวัดพิษณุโลกที่ตัวเองเป็น ส.ส. และถือว่าเป็นถิ่นเกิดทางการเมือง ปักหมุดประกาศชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค และถือเอาที่นี่เป็นจุดสตาร์ทก่อนเดินสายหาคะแนนเสียงจากสมาชิกในภาคอื่นๆ ทั่วประเทศ หลัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน เสนอแนวทางเลือกหัวหน้าใหม่ด้วยวิธีการหยั่งเสียงจากสมาชิก
‘กล้าเปลี่ยน เพื่อประชาชน’ คือสโลแกนหลักในการรณรงค์แคมเปญเพื่อหาเสียง และเสนอความฝันของหมอวรงค์และทีมงานหากได้รับการสนับสนุนให้เป็นหัวหน้าพรรค “เพราะไม่ใช่แต่การเปลี่ยนแปลงประชาธิปัตย์ แต่หมายถึงการเปลี่ยนแปลงประเทศไปพร้อมกันด้วย” หมอวรงค์กล่าวยืนยัน
แน่นอนว่าธรรมเนียมของพรรคการเมืองเก่าแก่ที่มีอายุ 72 ปี ชื่อหัวหน้าพรรคย่อมหมายถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
“ผมพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี” คือถ้อยแถลงที่ชัดเจนจากหมอวรงค์
แม้หมอวรงค์จะออกปากว่าตนเองเป็นมวยรอง แต่ศึกการเลือกหัวหน้าพรรคครั้งนี้ เขาบอกว่าเขาต้องการลุกขึ้นมาเปลี่ยนประชาธิปัตย์ใหม่ คำครหาต่างๆ เป็นสิ่งที่เขาจะไม่ยอมรับอีกต่อไป และพร้อมรับทุกกติกาและเงื่อนไขในการแข่งขันอย่างสร้างสรรค์และเป็นธรรม ต่อจากนี้มีแต่ต้องทำงานหนักมากขึ้นเป็น 5 เท่า
“พรรคประชาธิปัตย์กำลังเกิดวิกฤต สถานการณ์ของเราไม่ดีเท่าที่ควร อดีตที่ผ่านมาพวกเราแพ้การเลือกตั้งมาตลอดนับ 10 ปี กระแสนิยมพวกเราตก มีคนวิจารณ์พวกเราหลายอย่างว่าพวกเราเลือดไหลออกไม่หยุด บอกว่าพวกเราสร้างภาพ บอกว่าดีแต่พูด บอกว่าพวกเราไม่กล้าตัดสินใจ คู่ต่อสู้หยามเราว่าขี้แพ้ วันนี้ผมไม่ยอม” หมอวรงค์กล่าวต่อหน้าประชาชนผู้สนับสนุนเขาในวันนี้
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า