เป็นอีกหนึ่งคืนที่ดูจะไม่สดใสเท่าไรนักสำหรับตลาดหุ้นวอลล์สตรีท ซึ่งในคืนวันนี้ดัชนีปรับตัวลดลงรุนแรงทั้ง 3 ตลาด หลังจากที่ผลดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนบางแห่งออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้ค่อนข้างมาก ประกอบกับความกังวลเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เริ่มกลับมาสร้างแรงกดดันอีกครั้ง
โดยการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในคืนวันนี้ (18 พฤษภาคม) ณ เวลา 23.20 น. ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีหุ้นทั้ง 3 ตลาดปรับตัวลดลงรุนแรง นำโดยดาวโจนส์ที่ลดลงไปราว 850 จุด หรือ 2.63% มาอยู่ที่ 31,796 จุด, ดัชนี S&P 500 ลดลง 3.14% มาอยู่ที่ 3,960 จุด และดัชนีแนสแด็กลดลง 3.74% มาอยู่ที่ระดับ 11,536 จุด
การลดลงของดัชนีตลาดหุ้นทั้ง 3 ตลาด ส่วนหนึ่งเกิดจากนักลงทุนผิดหวังในผลดำเนินงานของ ‘Target’ ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐฯ ที่รายงานตัวเลขออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้ ทำให้ราคาหุ้นของ Target ปรับตัวลดลงไปราว 25%
ก่อนหน้านี้เมื่อวันอังคาร (17 พฤษภาคม) ที่ผ่านมา Walmart ก็เพิ่งจะรายงานผลดำเนินงานออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้ โดยให้เหตุผลว่า เกิดจากต้นทุนด้านเชื้อเพลิงและค่าแรงที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า เงินเฟ้อที่สูงขึ้นในสหรัฐฯ เริ่มส่งผลกระทบต่อผลดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนบ้างแล้ว
นอกจากนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังถูกกดดันจากการให้สัมภาษณ์ของ เจอโรม พาวเวลล์ ในคืนก่อนหน้านี้ด้วย ซึ่งระบุว่า Fed จะไม่ลังเลในการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจนกว่าเงินเฟ้อจะลดลง
ขณะเดียวกัน Fed ยังเตรียมลดขนาดงบดุลผ่านการทำนโยบาย QT (Quantitative Tightening) โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมิถุนายนนี้ ในระดับ 4.75 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน ไปอีก 3 เดือน และหลังจากนั้นจะเพิ่มขนาดของการทำ QT เป็นเดือนละ 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน
