×

นักวิชาการ มธ. แนะประชาชนตรวจสอบมูลนิธิก่อนโอนเงิน ชี้หลักการบริจาค ‘ให้โดยเสน่หา’ เรียกคืนไม่ได้ ยกเว้นใช้ผิดวัตถุประสงค์

โดย THE STANDARD TEAM
27.10.2025
  • LOADING...
นักวิชาการ มธ. แนะประชาชนตรวจสอบมูลนิธิก่อนโอนเงิน ชี้ หลักการบริจาค ให้โดยเสน่หา เรียกคืนไม่ได้ ยกเว้น ใช้ผิดวัตถุประสงค์

จากประเด็นทางสังคมเกี่ยวกับการบริจาคเงินให้กับมูลนิธิต่าง ๆ และกรณีที่ผู้บริจาคบางรายเรียกร้องเงินคืนเนื่องจากมองว่าได้รับข้อมูลไม่ครบถ้วนนั้น

 

วันนี้ (27 ตุลาคม) รองศาสตราจารย์ ดร.อัจฉรา ชลายนนาวิน คณบดีคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ได้ออกมาเปิดเผยหลักการทางกฎหมายและข้อแนะนำสำหรับประชาชน

 

รศ. ดร.อัจฉรา ระบุว่า โดยหลักการแล้ว การบริจาคเงินให้แก่บุคคลหรือองค์กรใด ๆ ถือเป็นการให้โดยเสน่หา ผู้ให้จะไม่สามารถเรียกร้องเงินคืนได้ เว้นแต่หากปรากฏภายหลังว่าเงินบริจาคนั้นถูกนำไปใช้ ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ตกลงกัน ซึ่งวัตถุประสงค์ดังกล่าวสามารถระบุได้ทั้งผ่านเอกสารทางการและการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย หากเกิดกรณีนี้ขึ้น ผู้บริจาคสามารถรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อยื่นฟ้องร้องต่อศาลตามประมวลกฎหมายแพ่งและอาญา เพื่อขอเรียกคืนเงินบริจาค

 

นอกจากนี้ ยังมีอีกกรณีที่ผู้บริจาคสามารถเพิกถอนและเรียกร้องเงินคืนได้ คือ หากผู้บริจาคถูกผู้รับบริจาคประทุษร้าย หรือ กล่าวหาว่าร้าย จนทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งจะเข้าข่ายที่ผู้รับบริจาคมีความประพฤติเนรคุณ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531

 

นักวิชาการจาก มธ. ได้แนะนำประชาชนเพื่อความสบายใจในการบริจาค โดยเน้นย้ำให้ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นของมูลนิธิ ดังนี้:

 

1. ตรวจสอบการจดทะเบียน: ผู้บริจาคควรตรวจสอบว่ามูลนิธินั้น ๆ มีอยู่ในระบบฐานทะเบียนข้อมูลของ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย อย่างถูกต้องหรือไม่ โดยสามารถตรวจสอบได้โดยตรงที่ว่าการอำเภอ หรือสำนักงานเขตที่มูลนิธินั้นตั้งอยู่ หากไม่ปรากฏในระบบ อาจเข้าข่ายการไม่จดทะเบียนหรือแอบอ้างชื่อ

 

2. ตรวจสอบระบบ e-Donation: องค์กรที่จัดตั้งขึ้นเพื่อการสาธารณกุศลและมีความบริสุทธิ์ใจในการขับเคลื่อนองค์กร อย่างน้อยที่สุดควรมีฐานข้อมูลอยู่ในระบบ บริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ซึ่งนอกจากจะเป็นสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีแล้ว ยังสะท้อนว่ามูลนิธิมีระบบการทำบัญชีทรัพย์สินและยื่นต่อกรมสรรพากรอย่างถูกต้องชัดเจน

 

รศ. ดร.อัจฉรา เตือนว่า ประชาชนไม่ควรไว้วางใจเพียงตัวบุคคลหรือคำโฆษณาทางโซเชียลมีเดีย เนื่องจากการหลอกลวงมีอยู่เป็นจำนวนมาก ควรตรวจสอบวัตถุประสงค์ของมูลนิธิและมั่นใจในข้อมูลก่อนโอนเงินเสมอ

 

พร้อมกันนี้ หากพบมูลนิธิที่เรียกรับเงินจากผู้เสียหายหรือผู้มาขอความช่วยเหลือโดยไม่ได้เป็นการบริจาคแบบสมัครใจ ประชาชนสามารถเก็บหลักฐานเพื่อแจ้งต่อกรมการปกครอง หรือ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อเอาผิดได้ทันที

 

คณบดีคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มธ. ยังได้เรียกร้องให้มีการพัฒนาระบบการจัดการมูลนิธิในประเทศไทยให้มีความชัดเจนและโปร่งใสมากขึ้น โดยเฉพาะการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินทั้งรายรับและรายจ่าย เพื่อป้องกันการใช้มูลนิธิเพื่อการฟอกเงิน

 

“รัฐหรือเครือข่ายมูลนิธิต่าง ๆ ควรจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการจากภาคประชาชนเพื่อเข้ามาช่วยในการตรวจสอบด้วย” รศ. ดร.อัจฉรา กล่าว พร้อมยกตัวอย่างระบบของสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ ที่มูลนิธิต้องยื่นแบบฟอร์มและเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะทางอินเทอร์เน็ต ทั้งวัตถุประสงค์องค์กร รายได้-รายจ่าย และรายชื่อกรรมการ ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ควรนำมาใช้กับประเทศไทย เพื่อสร้างให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าธรรมาภิบาล ให้กับมูลนิธิไทย เช่นเดียวกับการที่บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ต้องเปิดเผยงบการเงินอย่างโปร่งใส

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising