การทำบุญเป็นสิ่งหนึ่งที่คนไทยให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก แต่รู้หรือไม่ ว่าการบริจาคไม่ได้ให้แค่ความสุขทางใจเท่านั้น แต่ยังสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย
การบริจาคที่ถูกต้องตามกฎหมายนอกจากจะได้ทำบุญกับองค์กรที่เราศรัทธา พร้อมกับประหยัดเงินในกระเป๋าไปพร้อมๆ กัน วันนี้มีคู่มือสำหรับผู้ใจบุญว่าบริจาคแบบไหนที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้บ้าง
1. การบริจาคเพื่อการศึกษา
การสนับสนุนการศึกษาเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยพัฒนาประเทศในระยะยาว การบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้กับโรงเรียน, มหาวิทยาลัย หรือสถาบันการศึกษาต่างๆ ที่จัดตั้งขึ้นอย่างถูกต้อง สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า ของจำนวนเงินที่บริจาคจริง แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้สุทธิหลังจากหักค่าลดหย่อนอื่นๆ แล้ว
ตัวอย่าง ถ้าบริจาคเงิน 10,000 บาท ให้กับโรงเรียน สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ถึง 20,000 บาท
2. การบริจาคเพื่อโรงพยาบาลและสถานพยาบาลของรัฐ
การบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยและสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี การบริจาคให้กับโรงพยาบาลของรัฐหรือสถานพยาบาลที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า ของจำนวนเงินที่บริจาคจริง แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้สุทธิ
ตัวอย่าง หากบริจาค 5,000 บาท ให้กับโรงพยาบาลของรัฐ สามารถลดหย่อนได้ 10,000 บาท
3. การบริจาคให้แก่องค์กรสาธารณกุศล
องค์กรสาธารณกุศลเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรและมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือสังคมในด้านต่างๆ เช่น วัดวาอาราม, การช่วยเหลือผู้ประสบภัย, การดูแลเด็กกำพร้า, หรือการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การบริจาคให้กับองค์กรที่กระทรวงการคลังประกาศกำหนด สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ 1 เท่า ของจำนวนเงินที่บริจาคจริง แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้สุทธิ
เราสามารถตรวจสอบรายชื่อองค์กรที่ได้รับการประกาศจากกรมสรรพากรได้ เพื่อให้แน่ใจว่าการบริจาคของเราสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้จริง
4. การบริจาคให้แก่พรรคการเมือง
การบริจาคให้แก่พรรคการเมืองถือเป็นการสนับสนุนการพัฒนาประชาธิปไตยในประเทศ การบริจาคเงินให้พรรคการเมืองสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ 1 เท่า ของจำนวนเงินที่บริจาคจริง แต่ต้องไม่เกิน 10,000 บาทต่อปี
วิธีการลดหย่อนภาษีด้วยการบริจาค
1. เตรียมหลักฐานการบริจาค
หลักฐานที่สำคัญที่สุดคือ ใบเสร็จรับเงิน หรือ ใบอนุโมทนาบัตร ที่ระบุข้อมูลสำคัญดังนี้:
- ชื่อ-นามสกุล และที่อยู่ของผู้บริจาค (ต้องเป็นชื่อเดียวกับผู้ที่ยื่นลดหย่อน)
- วันที่บริจาค
- จำนวนเงินที่บริจาค
- ชื่อและที่อยู่ของหน่วยงานที่รับบริจาค
ข้อควรระวัง: สำหรับการบริจาคให้วัดตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป ควรบริจาคผ่าน ระบบ e-Donation ของกรมสรรพากร เพื่อความสะดวกและเป็นหลักฐานที่ถูกต้อง
2. กรอกข้อมูลการลดหย่อนในแบบแสดงรายการภาษี
เมื่อถึงเวลายื่นภาษีประจำปี (ช่วงต้นปี) ให้เรานำหลักฐานการบริจาคมาใช้ในการกรอกข้อมูลในแบบแสดงรายการภาษี (ภ.ง.ด.90 หรือ ภ.ง.ด.91) ในช่องที่กำหนดสำหรับเงินบริจาค
3. เก็บหลักฐานไว้เพื่อตรวจสอบ
แม้จะยื่นภาษีออนไลน์ เราก็ควรเก็บหลักฐานการบริจาคที่เป็นกระดาษไว้ อย่างน้อย 5 ปี เผื่อกรณีที่กรมสรรพากรเรียกตรวจสอบภายหลัง (ยกเว้นการบริจาคผ่านระบบ e-Donation ที่ข้อมูลจะถูกส่งตรงไปที่กรมสรรพากรแล้ว)
ลดหย่อนบุพการี ทำบุญกับพระในบ้าน
นอกจาคการบริจาคให้กับสังคมแล้ว การดูแลคนในครอบครัวก็ได้สิทธิประโยชน์การลดหย่อนภาษีเหมือนกัน โดยลดหย่อนได้คนละ 30,000 บาท หากดูแลทั้งพ่อและแม่ สามารถลดหย่อนได้รวม 60,000 บาท
โดยพ่อแม่ต้องมีอายุ 60 ปีขึ้นไป และมี รายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปีภาษี และ ต้องเป็นพ่อแม่แท้ๆ หรือพ่อแม่ของคู่สมรสที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย และคู่สมรสคนนั้นต้องไม่มีรายได้ในปีภาษีที่ยื่นลดหย่อน
นอกจากนี้ พ่อแม่หนึ่งคนจะสามารถลดหย่อนได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่สามารถแบ่งกันใช้ได้ เช่น หากพี่ชายใช้สิทธิ์ลดหย่อนให้พ่อแล้ว น้องสาวจะไม่สามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนให้พ่อซ้ำได้อีก
เป็นคนใจบุญ ประหยัดภาษีได้แค่ไหน
สมมติว่า เราเป็นพนักงานเงินเดือนทั่วไปไม่มีรายได้เสริม มีหักลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท และ ลดหย่อนเบี้ยประกันสังคม 9,000 บาท และ เพิ่มการลดหย่อนจากการบริจาคและการดูแลบุพการี
- บริจาค: 20,000 บาท (สมมติว่าเป็นเงินบริจาควัดทั่วไป)
- อุปการะพ่อแม่: 60,000 บาท (ดูแลทั้งพ่อและแม่)
ในฐานเงินเดือนที่ต่างกัน ผลลัพธ์การลดหย่อนภาษีก็ต่างกันออกไป
- เงินเดือน 20,000 บาท: เงินได้สุทธิยังอยู่ในขั้นยกเว้นภาษี (ไม่เกิน 150,000 บาท) แม้จะมีการลดหย่อนพิเศษก็ไม่ได้ทำให้ประหยัดภาษีเพิ่มขึ้น
- เงินเดือน 30,000 บาท: ฐานภาษีอยู่ที่ 5% การลดหย่อนพิเศษช่วยให้เงินได้สุทธิลดลงจนเข้าสู่ขั้นยกเว้นภาษี ทำให้ไม่ต้องเสียภาษีเลย
- เงินเดือน 50,000 บาท: ฐานภาษีอยู่ที่ 10% การลดหย่อนพิเศษช่วยลดเงินได้สุทธิลงมาอยู่ในฐานภาษีที่ต่ำกว่า (10%) และช่วยประหยัดภาษีได้ถึง 15,000 บาท
- เงินเดือน 100,000 บาท: ฐานภาษีอยู่ที่ 25% การลดหย่อนพิเศษช่วยลดเงินได้สุทธิลงมาอยู่ในฐานภาษีที่ต่ำกว่า (20%) และช่วยประหยัดภาษีได้ 16,000 บาท
การบริจาคที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับทุกคนที่ต้องการทำความดีและช่วยพัฒนาสังคมไปพร้อมๆ กับการวางแผนภาษีอย่างชาญฉลาด แต่อย่าลืมตรวจสอบข้อมูลและหลักฐานให้ครบถ้วนก่อนยื่นภาษี เพื่อให้การทำบุญของเราเป็นไปอย่างราบรื่นและได้ประโยชน์สูงสุด
ภาพ: B4LLS/Getty Images
อ้างอิง: